5 เคล็ดลับดูแลผิวหน้าในหน้าหนาว

เมื่อหน้าหนาวมาถึง สาวๆ หลายคนอาจตื่นเต้นและรอคอยที่จะได้ใส่เสื้อกันหนาวตัวเก่ง ผูกผ้าพันคอ เพื่อทำร่างกายให้อบอุ่นและสนุกไปกับการแต่งตัวที่น้อยครั้งจะหาโอกาสได้ แต่สิ่งสำคัญอีกสิ่งที่จะละเลยไม่ได้เลยคือการดูแล ‘ผิวหน้า’ ในหน้าหนาว ไม่ให้แห้งกร้าน ลอกเป็นขุย และนี่คือ 5 เคล็ดลับดูแลผิวหน้าที่จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นรับลมหนาวได้อย่างสบายๆ

1) เริ่มต้นจากเพิ่มความชุ่มชื้นจากภายใน

เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินซีและสังกะสี (zinc) ซึ่งมีส่วนช่วยในการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว เลือกทานผักที่อิ่มน้ำ เช่น แตงกวา ฟัก แครอท มะเขือเทศ และผลไม้ที่จะช่วยบำรุงผิวให้ชุมชื้นจากภายใน เช่น แตงโม แคนตาลูป แอปเปิ้ล ส้ม กีวี

2) ดื่มน้ำให้เพียงพอ

อย่าลืมว่าแม้อากาศจะเย็นลง แม้เราจะไม่กระหายน้ำเท่ากับช่วงเวลาในฤดูร้อน แต่ร่างกายก็ยังจำเป็นต้องการน้ำ เพื่อผิวนุ่มชุ่มชื่นจากภายในสู่ภายนอก เราต้องดื่มน้ำให้เพียงพอประมาณ 8-10 แก้วต่อวัน หรือลองดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาวเล็กน้อย จะช่วยเติมน้ำเข้าสู่ร่างกายและผิวได้ดียิ่งขึ้น

3) หลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำร้อน

การอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนในหน้าหนาว ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง เพราะทำให้ร่างกายที่หนาวรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย แต่ที่อย่าพลาดคือการนำเอาน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนมาล้างหน้า น้ำร้อนหรือน้ำที่มีอุณหภูมิสูงกว่าปกตินั้นจะชะล้างไขมันบนผิวหน้า ทำให้ผิวแห้งและไม่สามารถเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ได้ คุณผู้หญิงควรอาบน้ำอุ่นแต่เพียงเล็กน้อย ไม่ควรปรับอุณหภูมิให้ร้อนมากจนเกินไป เพราะนอกจากผิวหน้าแล้ว ผิวส่วนอื่นอาจเกิดอาการแห้งและระคายเคืองได้เช่นกัน

4) งดการขัดผิวหน้าหรือลอกผิว (scrub)

การขัดลอกผิวในหน้าหนาวอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย ทางทีดีควรงดการขัดถูผิวหน้าในช่วงหน้าหนาว หรือลดจำนวนความถี่ในการสครับผิวเป็นสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้น ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารกระตุ้นการระคายเคืองเช่น น้ำหอมและแอลกอฮอล์

5) เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่อ่อนโยน

มูสทำความสะอาดผิวหน้าที่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นนับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับการดูแลผิวหน้าที่บอบบางในหน้าหนาว ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดควรมีประสิทธิภาพในการรักษาสมดุลค่า pH ช่วยฟื้นฟูผิวให้มีสุขภาพดี หรือประกอบด้วยสารสกัด Tea Tree Oil และ Aloe Vera ลดการติดเชื้อก่อโรค เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างอ่อนโยน

เพียงปฏิบัติตาม 5 เคล็ดลับนี้ ก็จะทำให้ผิวหน้าของสาวๆ สดใสและสุขภาพดีในช่วงหน้าหนาว ไม่แห้งกร้านและไม่ก่อให้เกิดต้นเหตุของริ้วรอยก่อนวัยอันควร หรืออาการคัน อาการอักเสบที่จะตามมา ขอเพียงดูแลและใส่ใจผิวหน้าของคุณให้ดีที่สุด

6 วิธีการดูแลผิวให้ห่างไกลจาก “สิว” ด้วยตนเอง

ปัญหาสิวนับได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่ของวัยรุ่นไปจนถึงวัยกลางคน และยิ่งคนที่ผิวหน้ามีแนวโน้มแพ้มลพิษง่ายอยู่แล้ว ย่อมมีโอกาสเจอกับปัญหาสิวต่อเนื่องซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่เรื่องบุคลิกภาพและความมั่นใจ ปัจจุบันปัญหาสิวไม่ใช่ปัญหาเรื่องความสวยความงามทั่ว ๆ ไป ทางการแพทย์ได้จัดให้ปัญหาสิว อยู่ในหมวดของโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ซึ่งมีผลกระทบต่อภาวะจิตใจ ปัญหาสิวแม้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อร่างกาย แต่เมื่อทำให้เกิดความวิตกกังวลแล้ว ย่อมทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่อย่างปฏิเสธไม่ได้ ทั้งอาจทำให้เกิดความกังวลเรื่องการเข้าสังคม เกิดความเจ็บปวด ตลอดจนปัญหาด้านสุขภาพและความงาม

ด้าน ดร.ภญ. จิรวรรณ โอพรสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาเครื่องสำอางและเวชสำอางเพื่อแก้ปัญหาสิวด้วยสารสกัดจากหินน้ำมันฝรั่งเศสแบรนด์ โอลด์ร๊อค ที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO 22716/ COSMETICS GMP ระดับสากล บริษัท แอล.เอ.เดอร์มาเทค จำกัด มีคำตอบและแนวทางที่จะช่วยลดปัญหากวนใจของคนที่เป็นสิวว่า “คนที่เป็นสิวที่ใบหน้าไม่หายส่วนหนึ่งเกิดจากการดูแลผิวหน้าไม่ถูกวิธี โดยปัญหาที่พบบ่อย ๆ คือ การบีบ แคะ แกะ เกา จับ ลูบ ใบหน้าบริเวณที่เป็นสิว นอกจากนั้นยังมีกรรมวิธีต่าง ๆ ที่ใช้ในการปกปิดสิวเนื่องจากต้องการให้บุคลิกดี เช่น การใช้ concealer ปกปิดก็ต้องเลือกชนิดของ concealer ให้เหมาะสมกับผิวและทำความสะอาดใบหน้าอย่างถูกวิธีด้วย และยิ่งปัจจุบันในอินเตอร์เน็ตทั่วไปที่มีบอกถึงวิธีลัดในการรักษาหรือลดสิว ด้วยวิธีต่างๆ วิธีบางวิธีที่แนะนำไว้อาจไม่ถูกต้องตามหลักการดูแลผิว อาจยิ่งทำให้เกิดปัญหามากขึ้น ดังนั้นควรเลือกปฏิบัติจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เท่านั้น

ดร.ภญ. จิรวรรณ โอพรสวัสดิ์ จึงได้แนะนำวิธีการดูแลผิวให้ห่างไกลเป็นสิวเบื้องต้น สามารถทำได้ง่ายๆ คือ

1.หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาวะที่ผิวถูกทำร้าย เช่น แสงแดดแรง ฝุ่นควัน สภาวะอากาศร้อนจัดหนาวจัด ลมแรง เป็นต้น นอกจากนั้น ให้สังเกตสิ่งที่สัมผัสกับผิวหน้าเป็นประจำ เช่น ความสะอาดของผม แชมพูสระผม หรือครีมนวดผม รวมถึงกลิ่นน้ำหอมที่ผสมในแชมพูและครีมนวดผม เป็นต้น เส้นผมที่สัมผัสเป็นประจำกับใบหน้าทำให้เกิดการเสียดสีกลายเป็นการระคายเคือง สำหรับผู้ที่แพ้ฟลูออไรด์ ยาสีฟันอาจก่อให้เกิดสิวรอบปากและคางได้

2. ทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงการล้าง เช็ด ถู หน้าแรงๆ ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะยิ่งกระตุ้นการอักเสบและทำให้ผิวอ่อนแอลงจากการถูกแรงกดทำร้าย

3.ล้างทำความสะอาดผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนต่อผิวหน้า หรือผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลผิวเป็นสิวโดยเฉพาะ จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ จะช่วยรักษาสมดุลของผิวบนใบหน้า ไม่ทำร้ายผิวเพิ่ม ช่วยให้ผิวฟื้นฟูแข็งแรงขึ้นได้เอง

4. เมื่อเป็นสิว ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดปัญหาสิว เช่น เวชสำอางดูแลปัญหาสิวที่มีสารสกัดจากธรรมชาติเพื่อช่วยส่งเสริมให้โครงสร้างผิวกลับมาแข็งแรง ช่วยลดการสะสมของสารเคมีอันตรายบนใบหน้า สูตร non-comedogenic ที่ไม่ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวอย่างเนื่อง หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมที่ออกฤทธิ์รุนแรง เช่น BHA เนื่องจากจะทำให้เกิดการระคายเคืองจากความเป็น กรด โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย

5. เมื่อสิวลดลงไม่ว่าจะเกิดจากยา การเปลี่ยนพฤติกรรม หรือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวเป็นสิวแล้ว สิวยังเกิดขึ้นมาใหม่ได้เสมอหากผิวถูกทำร้ายอีก วัฎจักรการทำร้ายผิวและทำให้เกิดสิวไม่สิ้นสุดมักเกิดจากการกลับไปทำพฤติกรรรมเดิม ๆ ทำให้สิวขึ้น เช่น บีบเค้น จับใบหน้าบ่อย ๆ หรือการเสียดสีหรือสารปนเปื้อนจากผมที่เสียดสีบริเวณแก้ม เมื่อสิวขึ้นก็ใช้ยาแรง ยาแรงทำให้กำจัดสิวได้แต่ผลที่ตามมาคือ โครงสร้างของผิวเสีย ผิวลอกอ่อนแอ หรือ สมดุลของเชื้อบนใบหน้าถูกทำลายไป เมื่อผิวที่อ่อนแอถูกกระตุ้นเพียงเล็กน้อย สิวก็จึงกลับขึ้นมาได้อีก ดังนั้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การสังเกตสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวและหลีกเลี่ยง และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ anti-acne ชนิดที่อ่อนโยน สามารถใช้ได้ทุกวัน เป็นทางเลือกที่ดีในการดูแลผิวเป็นสิวระยะยาว

6. การออกกำลังกายสม่ำเสมอและการทานอาหารที่มีประโยชน์ ฟังดูน่าเบื่อแต่ระบบของร่างกายจะทำงานอย่างสมดุลได้ ต้องสร้างภาวะสมดุลให้ร่างกายด้วย ระบบที่สำคัญที่สุดระบบหนึ่งของร่างกายคือ ระบบขับถ่าย การขับถ่ายที่ดีเกิดมาจากการรับประทานอาหารที่มีกากใย มีคุณค่าทางอาหารครบ และอาศัยการออกกำลังกายเป็นการกระตุ้นการขับถ่าย ซึ่งกลไกดังกล่าวเป็นกลไกการขับของเสียจากร่างกาย ยิ่งไปกว่านั้นการออกกำลังกายยังทำให้อารมณ์เป็นบวก ทำให้ลดความเครียดลงได้ด้วย เมื่อของเสียถูกขับออกจากร่างกายเรื่อย ๆประกอบกับลดความเครียดลง สภาวะโดยรวมของร่างกายก็จะแข็งแรงทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนต่าง ๆลดลงได้ด้วย

สำหรับผู้ที่ตั้งใจห่างไกลจากสิวโดยไม่ต้องพึ่งหมอหรือยา แค่เข้าใจเรื่องการทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี การหลีกเลี่ยงการทำร้ายผิว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยนที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับผิวที่มีโอกาสเป็นสิวได้ง่ายต่อเนื่อง การออกกำลังกายและการทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างสมดุล ก็จะทำให้ห่างไกลจากสิวได้นานๆ นอกจากนั้นเมื่อสิวดีขึ้นแล้วต้องไม่กลับไปทำพฤติกรรมเดิม ๆ ที่กระตุ้นการเกิดสิวอีก และหากต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลผิวพรรณต้องเลือกที่ไว้ใจได้ว่า เป็นเวชสำอางที่มีการรับรองตามมาตรฐานทางการแพทย์ ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ หรือมีสารเคมีรุนแรงที่อาจส่งผลให้ผิวแพ้” ดร.ภญ.จิรวรรณ กล่าวทิ้งท้าย

การดูแลสุขภาพ การดูแลผิว

การดูแลผิว

บำรุงผิวขาวด้วยการขัดผิว

การขัดผิว ถือเป็นการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดลอกออกไป ซึ่งจะช่วยเผยผิวกายให้กระจ่างใสมากขึ้น สำหรับการขัดผิวนั้นสามารถทำได้หลายวิธี เช่น ขัดผิวด้วยฟองน้ำ แปลง ใยบวบ หินสำหรับขัดผิว หรือแม้แต่การใช้ครีมอาบน้ำที่มีเม็ดสครับผิว เป็นต้น โดยส่วนใหญ่แล้วจะนิยมขัดผิวขณะอาบน้ำ แต่ทั้งนี้การขัดผิวควรขัดอย่างเบามือและไม่ควรขัดบ่อยจนเกินไป ประมาณสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็ถือว่าเพียงพอแล้ว เพราะถ้าหากขัดผิวบ่อยจนเกินไปจะทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้น และอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและผื่นคันบริเวณผิวหนังได้ง่าย

 บำรุงผิวขาวด้วยด้วยสมุนไพรไทย

สำหรับตัวช่วยอย่างสมุนไพรไทยที่จะช่วยให้ผิวกายของสาว ๆ ขาวใสขึ้นได้และเป็นที่นิยมอย่างมากคือ มะขามเปียก และขมิ้น โดยมะขามเปียกจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกทำให้ผิวกระจ่างใส ส่วนขมิ้นจะช่วยทำให้ขาวผ่องมากขึ้น เพียงแค่นำมะขามเปียกไปแช่ในน้ำต้มสุกและนำขมิ้นมาปอกเปลือกตำให้ละเอียด จากนั้นให้เอาสมุนไพรทั้งสองตัวมาผสมเข้าด้วยกันกับน้ำผึ้ง ซึ่งน้ำผึ้งจะมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวเนียนนุ่มมากยิ่งขึ้น เมื่อผสมเข้ากันดีแล้วให้นำมาขัดให้ทั่วตัวแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้ผิวของคุณก็จะขาวสว่างใสขึ้นได้ทันตาเลยล่ะคะ

บำรุงผิวขาวด้วยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

สำหรับอาหารที่รับประทานแล้วจะช่วยบำรุงผิวกายให้ขาวใสขึ้นได้ สาว ๆ ควรเน้นทานผักและผลไม้ให้ได้ทุกมื้อ เพราะประโยชน์ของผักและผลไม้จะช่วยในเรื่องของการขับถ่าย ซึ่งหากระบบการขับถ่ายดีก็จะทำให้ผิวพรรณดูขาวใสและเปล่งปลั่งขึ้นได้ทันตาเห็น นอกจากนี้ผักและผลไม้ยังมีสารแอนตี้อ็อกซิแดนซ์ที่จะช่วยกระชับให้ผิวสวยมากขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่ามีประโยชน์มากมายเลยทีเดียว

 บำรุงผิวขาวด้วยการออกกำลังกาย

สาว ๆ ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างต่ำวันละ 30 นาที ประมาณ 4-5 วันต่อสัปดาห์ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยขับเหงื่อไคลและสิ่งสกปรกใต้ผิว รวมถึงสารพิษต่าง ๆ ภายในร่างกายออกมา ซึ่งจะทำให้ผิวกายของคุณดูสว่างสดใสขึ้นได้ นอกจากนี้การออกกำลังกายยังช่วยลดการอุดตันของสิ่งสกปรกใต้ผิวหนัง ซึ่งสามารถจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องสิวบริเวณผิวหนังได้อีกด้วย

บำรุงผิวขาวด้วยครีมทาผิว

สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่สาว ๆ ควรทำเป็นประจำทุกวันคือต้องทาครีมบำรุงผิวหลังอาบน้ำ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและขาวขึ้น แต่ทั้งนี้ครีมบำรุงผิวที่เลือกใช้ควรจะมีส่วนประกอบของไวท์เทนนิ่ง มอยส์เจอร์ไรเซอร์ และมีวิตามินที่สำคัญสำหรับผิวอย่างเช่น วิตามินซี วิตามินเอ และวิตามินอี เป็นต้น นอกจากนี้ก่อนออกจากบ้านสาว ๆ ควรทาครีมกันแดดก่อนประมาณ 20 นาที เพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวี ทั้งนี้ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มี SPF ระหว่าง 15 – 29 ซึ่งถือว่ากำลังพอเหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปค่ะ

บำรุงผิวขาวด้วยน้ำนม

หลาย ๆ คนคงจะเคยได้ยินคำว่าอาบน้ำแร่แช่น้ำนมกันอยู่บ่อย ๆ ซึ่งสาว ๆ เชื่อไหมคะว่าน้ำนมนั้นเหมาะสำหรับที่จะใช้บำรุงผิวกายอย่างมาก เพราะนมอุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารที่ดีต่อผิว อีกทั้งยังช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไปได้ด้วย เพียงแค่นำน้ำนมมาทาบริเวณผิวกายให้ทั่ว รอสักพักพอเริ่มแห้งแล้วให้ขัดอย่างเบามือ จากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำอย่างนี้แค่สัปดาห์ละครั้ง รับรองว่าผิวของสาว ๆ จะค่อย ๆ แลดูขาวขึ้นได้แน่นอนจ้า

บำรุงผิวขาวด้วยการดื่มน้ำมาก ๆ

การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เป็นอย่างดี ซึ่งสาว ๆ ทุกคนควรดื่มน้ำให้ได้อย่างต่ำวันละประมาณ 8-10 แก้ว เพียงเท่านี้ผิวกายของสาว ๆ ก็จะสวยใสสุขภาพดีได้แล้วค่ะ