รวม FAD DIETS เทรนด์อาหารลดน้ำหนัก หุ่นดี ไม่เสียสุขภาพ

FAD DIETS เทรนด์อาหารลดน้ำหนัก

เทรนด์อาหารลดน้ำหนัก ที่น่าสนใจ

วันนี้มีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับ เทรนด์อาหารลดน้ำหนัก สูตรต่างๆ ที่น่าสนใจ หุ่นดี ไม่เสียสุขภาพ โดยจะหยิบยกข้อมูลจากบทความสุขภาพ เว็บไซต์ โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ โดย นักกำหนดอาหาร แผนกโภชนาการ

สูตรลดน้ำหนักต่างๆ

Fad Diets เป็นสูตรการรับประทานอาหารต่างๆ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อการลดน้ำหนักในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงอย่างเดียว หรือการไม่รับประทานกลุ่มอาหารบางกลุ่มเลย ซึ่งในระยะยาวอาจทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารที่จำเป็น และส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ นักกำหนดอาหารขอนำเสนอวิธีการปรับ Fad Diets เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวของคุณ

Vegetarian diet หรืออาหารมังสวิรัติ

เน้นการรับประทานผัก และผลไม้เป็นหลัก เลี่ยงอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์ แต่จะมีบางกลุ่มที่สามารถรับประทานไข่ นม และอาหารทะเลได้ และบางกลุ่มที่ไม่รับประทานสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์เลย เช่น อาหารเจ (Vegan diet)

  • ข้อดี ทำให้จานอาหารของเรามีผักเพิ่มขึ้น ลดไขมันอิ่มตัวที่ได้รับจากเนื้อสัตว์
  • ข้อควรระวัง มีความเสี่ยงต่อการขาดวิตามิน B12 และธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่เรามักได้รับจากสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์เป็นหลัก
  • แนวทางการปรับ แนะนำให้เลือกรับประทานอาหารแบบมังสวิรัสที่รับประทาน นม กับไข่ได้ เพื่อป้องกันการขาดวิตามิน B12 และธาตุเหล็ก รวมถึงเลือกรับประทานกับข้าวที่เน้นไปทาง ผัดน้ำมันน้อย นึ่ง และต้มน้ำใสแทน อาหารทอด หรือแกงกะทิ เพื่อลดปริมาณไขมันอิ่มตัวที่จะรับประทานไปได้ และรับประทานผลไม้ในปริมาณที่เหมาะสม คือไม่เกิน 1 กำปั้นต่อมื้อ 2 – 3 มื้อต่อวัน
เทรนด์อาหารลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพ แซลมอน

Ketogenic diet 

เป็นแนวทางการรับประทานอาหารที่เน้นรับประทานไขมันเป็นหลัก และรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต ไม่เกิน 20 – 50 กรัมต่อวัน (ข้าวสวย 1 ทัพพีมีคาร์โบไฮเดรต 18 กรัม หรือ ส้ม 1 ผลกลางมีคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม) เพื่อให้ร่างกายเกิดภาวะ Ketosis และมีการเผาผลาญไขมันเยอะขึ้น

  • ข้อดี สามารถลดอาการลมชักในผู้ป่วยที่ไม่สามารถคุมอาการชักได้ด้วยยา ซึ่งต้องมีการคำนวนสัดส่วนของอาหารทั้งวันโดยแพทย์ หรือนักกำหนดอาหาร และมีการชั่งตวงอย่างเคร่งครัด
  • ข้อควรระวัง หากเลือกแหล่งของไขมันผิด เป็นอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง จากเนื้อสัตว์ติดมัน แกงกะทิ น้ำมันมะพร้าว เนย อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดในอนาคตได้ ในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ หรือนักกำหนดอาหารก่อนตัดสินใจเริ่มรับประทานอาหารในกลุ่มนี้
  • แนวทางการปรับ แนะนำให้เลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน และเลือกใช้น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันมะกอกในการปรุงอาหาร แทนน้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันหมู

Blood type diet การรับประทานอาหารตามหมู่เลือด A B AB และ O

โดยมีความเชื่อว่าผู้ที่มีหมู่เลือดเลือดต่างกันจะมีความสามารถในการย่อยและดูดซึมอาหารต่างกัน เช่น หมู่เลือด A ให้เน้นอาหารที่ทำมาจากผักและผลไม้ ควรเลี่ยงอาหารที่เป็นข้าวโพด และนมวัว หมู่เลือด B ควรเลี่ยงไก่ ข้าวโพด และแป้งสาลี แต่สามารถดื่มนม รับประทานเนื้อสัตว์ และผักอื่นๆ ได้ หมู่เลือด AB ควรรับประทานเนื้อแกะ เต้าหู้ นม และปลา แต่ควรเลี่ยง ถั่วแดง ไก่ และแป้งสาลี หมู่เลือด O เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น อาหารจากเนื้อสัตว์ ถั่ว และผัก แต่ควรเลี่ยงอาหารจากนม

  • ข้อดี มักเน้นไปทางอาหารที่มาจากธรรมชาติมากกว่าอาหารแปรรูปซึ่งดีต่อร่างกายของทุกหมู่เลือด
  • ข้อควรระวัง ในระยะยาวหากรับประทานอาหารตามหมู่เลือดข้างต้น อาจจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นจากการจำกัดชนิดอาหารที่รับประทานได้
  • แนวทางการปรับ แนะนำให้เลือกรับประทานอาหารที่หลากหลาย เลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน รับประทานผัก และผลไม้ในปริมาณที่พอเหมาะ เลือกวิธีการปรุงอาหารโดยการ อบ ต้ม นึ่ง หรือผัด มากกว่าการทอด

Mediterranean diet

เป็นอาหารที่เน้นให้รับประทานข้าวแป้งไม่ขัดสี เน้นผักผลไม้ รับประทานปลา ไข่และถั่ว จำกัดการรับประทานสัตว์เนื้อแดง ปรุงอาหารโดยใช้น้ำมันมะกอก และใช้เครื่องเทศแทนการปรุงอาหารด้วยเกลือ รวมถึงแนะนำมีการออกกำลังกายตามช่วงอายุอีกด้วย

  • ข้อดี เป็นแนวทางการรับประทานอาหารที่มีงานวิจัยมารองรับ สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ จากการรับประทานไขมันที่ดี จากน้ำมันมะกอก และถั่วเปลือกแข็งในปริมาณที่พอเหมาะ รับประทานเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ และใยอาหารจากข้าว แป้งไม่ขัดสี ผัก และผลไม้
  • ข้อควรระวัง การรับประทานอาหารประเภทนี้ แนะนำให้ดื่มไวน์แดง 1 แก้วต่อวันในผู้หญิง และ 2 แก้วต่อวันในผู้ชาย หากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์มากกว่านี้ อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดแทน
  • แนวทางการปรับ ควรเลือกใช้น้ำมันมะกอก extra light ในการปรุงประกอบอาหารที่ต้องโดนความร้อน และด้วยกลิ่นที่อ่อนกว่าของน้ำมันชนิดนี้จึงอาจเข้ากับอาหารไทยได้มากกว่า

Intermittent fasting หรือเป็นที่รู้จักคือการทำ IF

เป็นการจำกัดเวลาในการรับประทานอาหาร คือสามารถรับประทานอาหารได้อยู่ในช่วงเวลาที่กำหนดในแต่ละวัน เช่น IF 16/8 คือ การอดอาหาร 16 ชั่วโมงและสามารถรับประทานอาหารได้ 8 ชั่วโมง เป็นต้น

  • ข้อดี ด้วยเวลาในการรับประทานอาหารมีอยู่จำกัด อาจจะทำให้เราได้รับพลังงานรวมต่อวันน้อยลงและอาจส่งผลต่อน้ำหนักตัวได้
  • ข้อควรระวัง ควรระวังในกลุ่มคนไข้ที่รับประทานยาลดน้ำตาล หรือฉีด insulin ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือนักกำหนดอาหารเท่านั้น และควรระวังในกลุ่มของคนไข้ที่เป็นโรคกระเพาะ อาจจะทำให้อาการปวดท้องเป็นหนักขึ้นมาได้
  • แนวทางการปรับ ควรรับประทานอาหารในแต่ละมื้อในปริมาณที่พอเหมาะ และเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

สรุปแล้ว

การรับประทานอาหารโดยการจำกัดอาหาร ไม่ว่าจะมาจากการจำกัดพลังงาน จำกัดกลุ่มอาหาร หรือแม้แต่จำกัดเวลาในการรับประทานอาหาร มักจะทำกันได้ในระยะเวลาสั้นๆ เนื่องจากไม่ตรงกับแนวทางการใช้ชีวิตแบบเดิมๆ แนวทางการดูแลสุขภาพของตนเอง ควรเริ่มปรับจากแนวทางการใช้ชีวิตเดิมเป็นหลัก แล้วค่อยๆ เปลี่ยนทีละน้อย อาจจะเริ่มจากการดื่มน้ำเปล่ามากขึ้น ลดขนาดหรือความถี่ของเครื่องดื่มชงหวาน เพิ่มผักในมื้ออาหาร ลดเนื้อสัตว์ติดมันลง พยายามเดินให้มากขึ้น เพียงเท่านี้เราก็จะมีสุขภาพที่ดีได้แล้ว

งานวิจัยเผย อาหารเพื่อสุขภาพ ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเนื้อแดงและเนื้อแปรรูป

อาหารเพื่อสุขภาพ

เมื่อวานนี้ (28 ตุลาคม) งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและมหาวิทยาลัยมินนิโซตา เผยแพร่ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences (PNAS) ระบุว่า อาหารเพื่อสุขภาพส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย ส่วนอาหารอื่นๆ เช่น เนื้อแดง ส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยนับว่าเป็นครั้งแรกที่นักวิจัยนำเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพมาเชื่อมโยงเข้ากับสิ่งแวดล้อม

ทีมนักวิจัยทำการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของอาหารจากโลกตะวันตกราว 15 ประเภท พบว่า ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืช คืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันโรค พร้อมกับรักษาสภาพภูมิอากาศและแหล่งน้ำ

ขณะที่การบริโภคเนื้อแดงและเนื้อแปรรูปเป็นสาเหตุที่อาจก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บและมลภาวะ นักวิจัยจึงแนะนำว่าหากบริโภคอาหารที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระดับปานกลาง และไม่ส่งผลร้ายกับสุขภาพอย่างธัญพืชที่ผ่านการขัดสีแล้ว ผลิตภัณฑ์จากนม ไข่ และเนื้อไก่ที่พอจะสามารถทดแทนการบริโภคเนื้อแดงได้ จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อมไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม มีอาหารไม่กี่ประเภทที่ได้รับข้อยกเว้นจากการค้นพบดังกล่าวคือ ปลา ซึ่งเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่สร้างผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมากกว่าค่าเฉลี่ยของอาหารที่เน้นพืชเป็นหลัก (Plant-based diets) และอาหารที่มีน้ำตาลสูงอย่างบิสกิตหรือน้ำอัดลมส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมน้อย แต่กลับเป็นอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ

ไมเคิล คลาร์ก หัวหน้าทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดกล่าวว่า “การเลือกอาหารที่ดีและสร้างความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหนทางหลักที่ผู้คนสามารถสร้างเสริมสุขภาพและรักษาสิ่งแวดล้อมได้”

ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์คาดหวังว่าข้อมูลที่มีรายละเอียดมากกว่านี้จะช่วยให้ผู้บริโภค นักวางแผนนโยบาย และบริษัทผลิตอาหารเลือกสิ่งที่ดีกว่าได้ นักวิจัยจึงกำลังทำงานเกี่ยวกับฉลากอาหารที่ให้ข้อมูลทั้งด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมควบคู่กัน เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกอาหารของผู้บริโภคด้วย

5 อาหารเพื่อสุขภาพ สร้างสุขภาพที่ดีเพื่อวันใหม่

วิธีการดูแลสุขภาพเพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงนั้น นอกจากการออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอแล้ว การรู้จักเลือกรับประทานอาหารก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สุขภาพดีได้ การยึดอาหารหลัก 5 หมู่ และเพิ่มความสำคัญของการกินอาหารแต่ละหมู่ให้มีความหลากหลาย ไม่จำเจอยู่เพียงอาหารไม่กี่ชนิด เพราะอาหารบางชนิดก็เป็นยาดีของสุขภาพร่างกาย ที่ทำให้เรามีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และยังช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้อีกด้วย
อาหารเพื่อสุขภาพ หรืออาหารคลีน ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่ใส่ใจสุขภาพหรือสายเฮลตี้ สร้างความสมดุลในร่างกาย เพียแค่เรารู้จักเลือกสรร และนำไปปรุงให้ถูกวิธี อาหารเพื่อสุขภาพเหล่านี้ก็จะกลายเป็นมื้อที่อร่อยได้ วันนี้ขอแนะนำ 5 อาหารเพื่อสุขภาพให้ไปเลือกทานกันต่อ

5 อาหารเพื่อสุขภาพ เมนูทางเลือกเอาใจคนรักสุขภาพ

1. ควีนัว
ใครที่เป็นสายกินคลีน หรือรักสุขภาพ ต้องรู้จักกับธัญพืชที่ชื่อว่า “ควินัว อย่างแน่นอน เป็นพืชตระกูลเดียวกับหัวบีท ผักโขม มีประโยชน์มากมายจนได้ชื่อว่าเป็น “ซูเปอร์ฟู้ด” เพราะถือเป็นแหล่งเส้นใยอาหารชั้นดี
ประโยชน์ของควินัว
• ควินัว 1 ถ้วยจะมีปริมาณเส้นใยอาหารประมาณ 5 กรัม เป็นเส้นใยชนิดไม่ละลายน้ำที่จำเป็นต่อระบบการย่อยอาหารในร่างกาย
• ควินัวเป็นพืชที่มีคอเลสเตอรอลต่ำ จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมอาหาร รวมไปถึงเหมาะเป็นอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน

2. ถั่วอัลมอนด์
เป็นถั่วที่มีคุณค่าทางสารอาหารต่อร่างกายสูงกว่าถั่วชนิดอื่น ๆ สามารถนำมารับประทานแทนอาหารมื้อหลัก หรือรับประทานแทนขนมกินเล่นก็ได้
ประโยชน์ของอัลมอนด์
• อัลมอนด์มีประโยชน์ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย รับประทานเป็นอาหารว่างจะช่วยลดการกินจุกกินจิกและลดดความหิวระหว่างมื้ออาหาร
• เมื่อรับประทานอัลมอนด์เป็นประจำทุกวันจะช่วยลดน้ำหนักได้ เพราะในอัลมอนด์ 1 เมล็ดนั้นให้พลังงานเพียงแค่ 7 แคลลอรีเท่านั้น

3. ปลาแซลมอน
จัดเป็นปลาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั้งในหมู่ คนไทยและชาวญี่ปุ่น นิยมนำมาทำทั้งซูซิและซาชิมิ เพราะนอกจากจะมีรสชาติที่ถูกปากแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
ประโยชน์ของปลาแซลมอน
• ปลาแซลมอนเป็นโปรตีนที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่าย
• โอเมก้า3 ในปลาแซลมอนจะช่วยลดคอเลสเตอรอลตัวร้าย(LDL)และลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลตัวดี(HDL)

4. อกไก่
อกไก่ถือเป็นของโปรดของสายเฮลตี้เลย เพราะ เนื้อไก่เป็นเนื้อสัตว์ที่ให้พลังงานสูงชนิดหนึ่ง อุดมไปด้วยโปรตีน ย่อยง่าย มีสัดส่วนไขมันต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อส่วนอกนั้นแทบไม่มีไขมันปนอยู่เลย จึงนิยมทำมาปรุงอาหารสำหรับดูแลสุขภาพจำพวกอาหารคลีน อกไก่เหมาะสำหรับปรุงอาหารสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักไม่ว่าจะเป็น สเต็กไก่ โดยการนำไปหมักและย่าง ทานคู่กับผักเครื่องเคียงต่างๆก็อร่อยแบบสุดๆ
ประโยชน์ของอกไก่
• อกไก่ให้โปรตีนสูงแต่พลังงานต่ำ
• โปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยซ่อมแซมอวัยวะส่วนที่สึกเหรอในร่างกาย เสริมสร้างกล้ามเนื้อ

5. ไข่ไก่
การรับประทานไข่ไก่เป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหารจะช่วยให้อิ่มยาวนานขึ้น และรับประทานอาหารได้น้อยลง
ประโยชน์ของไข่ไก่
• ไข่ไก่เป็นหนึ่งในอาหารโปรตีนสูง ใน 1 ฟองจะมีโปรตีน 6 กรัม
• ไข่ไก่เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งผู้ที่ต้องการมีกล้ามเนื้อทั้งหลายต่างเลือกรับประทาน เพราะเชื่อว่าจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ดี เนื่องจากโปรตีนมีส่วนช่วยในการเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย

ใครที่กำลังมองหาอาหารสุขภาพเพื่อควบคุมน้ำหนักหรือสร้างกล้ามเนื้อ ลองเลือก 5 อาหารสุขภาพนี้ นำไปประกอบเป็นเมนูสุขภาพช่วยเสริมสร้างร่างกาย นอกร่างหุ่นดีแล้วยังมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย

5 อาหารเพื่อสุขภาพ สร้างสุขภาพที่ดีเพื่อวันใหม่

12 การดูแลสุขภาพจิตของตนเอง

1. ฟังเพลง

ท่วงทำนองของเพลงจะช่วยให้จิตใจรู้สึกผ่อนคลาย ลดการหลั่งของฮอร์โมนคอติซอล (cortisol) ซึ่งมีผลโดยตรงกับความเครียด แถมยังช่วยให้คุณมีความจำที่ดีขึ้นด้วย ไม่ว่าคุณจะชอบเพลงของโมสาร์ท หรือเพลงของเลดี้ กาก้า เพียงแค่คุณรู้สึกผ่อนคลายสบายใจเมื่อได้ฟังก็เป็นอันใช้ได้ ส่วนคุณแม่ที่กำลังอุ้มท้องน้องน้อยอยู่นั้น บทเพลงบรรเลงขับกล่อมหรือเสียงดนตรีจากธรรมชาติ อย่างเสียงสายฝนพรำหรือน้ำไหลเอื่อย ๆ จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลาย และดีต่อพัฒนาการของเจ้าตัวน้อยในท้องด้วย

2. สถานที่ปลอดโปร่งเย็นสบาย

ห้องโปร่ง ๆ ที่อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป ทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายตัว นั่งเอนหลังสบาย ๆ ในอาร์มแชร์นุ่ม ๆ จิบชาคาโมมายล์หรือชาเขียวอุ่น ๆ หรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่คุณชื่นชอบ เท่านี้กำจัดความเครียดไปได้เยอะทีเดียว

3. เติมท้องด้วยแซนด์วิชพีนัทบัตเตอร์

หากกำลังมองหาของว่างมาเติมกระเพาะให้คลายหิวและช่วยลดความเครียดด้วย ลองของว่างง่าย ๆ อย่างแซนด์วิชพีนัทบัตเตอร์ เพราะโปรตีนในพีนัทบัตเตอร์หรือเนยถั่วจะช่วยระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนิ น (serotonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมเรื่องความหิว อารมณ์ และความโกรธ อย่าลืมเลือกเนยถั่วแบบที่ไม่ผสมแยมผลไม้ซึ่งเต็มไปด้วยความหวานจากน้ำตาล และเลือกทานคู่กับขนมปังโฮลวีท ที่นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้วยังทำให้อิ่มท้องนานด้วยค่ะ

4. ใช้เวลากับเพื่อนรู้ใจ

มีผลการสำรวจจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ สหรัฐฯ พบว่าคนที่มีความสุขนั้นล้วนเป็นผู้คนที่มีความสัมพันธ์สนิทสนมกับคนในครอบ ครัวและเพื่อนฝูงเป็นอย่างดี ส่วนใหญ่คนเรานั้นมักมองข้ามการให้ความสำคัญในการพบปะเพื่อนฝูงอย่างสม่ำ เสมอ ด้วยข้ออ้างว่างานยุ่งหรือไม่มีเวลาว่าง ทั้งที่การได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนที่รู้ใจเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดที่ ดีทางหนึ่ง ฉะนั้นจึงควรให้ความสำคัญในการพบปะเพื่อนฝูงที่สนิทสนมอย่างน้อยอาทิตย์ละ ครั้ง อาจจะโทรศัพท์หรือส่งข้อความไปทักทายกันบ้างก็ได้ค่ะ

5. ใส่ใจธรรมชาติรอบตัว

การได้อยู่ใกล้กับธรรมชาติจะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายจากความยุ่งเหยิงต่าง ๆ ในชีวิตได้ ในวันที่อากาศแจ่มใสลองนั่งทานอาหารเช้าที่ระเบียงห้องหรือชานบ้าน ชมสวนสวย ๆ ฟังเสียงนกร้อง หรือเฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงของต้นไม้ที่กำลังจะผลิใบจากตุ่มเล็ก ๆ เป็นใบไม้สีเขียว ๆ เท่านี้ก็ทำให้รู้สึกอิ่มเอมใจได้แล้วล่ะ

6. จดบันทึกสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน

การจดบันทึกสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน จะทำให้คุณเป็นคนช่างสังเกต ลองสังเกตถึงความสุขหรือเรื่องที่ทำให้รู้สึกดี แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ ก็ตาม เพราะโดยปกติแล้วคนเรามักจดจำเรื่องเลวร้ายได้ชัดเจนกว่าเรื่องที่ดีเสมอ นั่นเป็นเพราะเหตุการณ์เลวร้ายมักมีผลกระทบต่อจิตใจได้ง่ายกว่า ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองให้สังเกตความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวัน ทั้งเรื่องน่ารัก ๆ ที่สร้างรอยยิ้มที่มุมปากของคุณได้ บันทึกสิ่งดี ๆ เหล่านี้ลงไปในสมุดก่อนคุณจะเข้านอนทุกวัน คุณจะรู้สึกดีทั้งยามที่สังเกตเห็นความสุขเล็ก ๆ นั้น รู้สึกดีอีกครั้งเมื่อยามจดบันทึกลงสมุด และรู้สึกดีมากขึ้นไปอีกเมื่อได้กลับมาอ่านค่ะ

7. หลีกหนีความจำเจในชีวิตประจำวัน

หลาย ๆ คนรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขและสนุกสนานเมื่อได้ทำสิ่งที่แตกต่างออกไปจาก ตารางชีวิตแบบเดิม ๆ เช่น การออกไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศยามพักเที่ยง แทนที่จะนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะทำงาน, ได้ทำกิจกรรมสนุก ๆ อย่างปั่นจักรยาน ปีนเขา หรือเปลี่ยนจากการนั่งหน้าจอทีวีในทุก ๆ ค่ำ เป็นการอ่านหนังสือ เขียนไดอะรี่ หรือฝึกวาดรูปสีน้ำ เพียงเติมกิจกรรมเล็ก ๆ หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบตารางชีวิตของคุณให้ต่างออกไปจากเดิม คุณก็จะได้รู้ว่าความสุขง่าย ๆ เกิดได้แค่เอื้อมเท่านั้น

8.อย่าหัดเป็นคนช่างคิด

การเป็นคนฉลาดและรู้จักคิดตรึกตรองในสิ่งต่างๆเป็นเรื่องดี แต่ถ้าคิดมากเกินไป ไม่ว่าอะไรก็เก็บมาคิดหมกมุ่นไปหมดย่อมเกิดผลเสีย อันจะนำไปสู่ความเครียดเปล่าๆ ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยนอกจากเกิดความทุกข์ และสุขภาพจิตเสียแก่เร็ว แต่ไม่ใช่ทำอะไรโดยไม่คิดเสียทีเดียว

9.ไม่ตั้งความหวังไว้สูงๆ

เวลาทำอะไรหากตั้งความหวังไว้สูงเกินไป เช่น ทำอะไรต้องดี ทำอะไรต้องสำเร็จ ทำอะไรต้องได้ดั่งใจเสมอ เช่นนี้ไม่ดีต่อตนเอง เพราะทำให้สุขภาพจิตเสื่อมเปล่าๆ ควรตั้งความหวังไว้แต่ไม่ใช่จริงจังนัก หวังโดยมีสติดูสภาพความเป็นไปได้ เช่น ตั้งใจมีเงินพอใช้สบายๆ อยู่อย่างพอเพียง ตั้งใจเรียนให้จบปริญญาถ้าทำได้ ไม่ใช่ตั้งใจเป็นนางสาวไทย เป็นพระเอกหนังทั้งๆที่หน้าตาอย่างกับปิศาจ อย่างนี้เรียกว่าตั้งความหวังโดยขาดสติ หากไม่ตั้งความหวังเลยชีวิตก็จะล่องลอยไร้เป้าหมาย นั่นก็รังแต่จะทำให้ทุกข์ใจอีก แต่จะทุกข์ตอนอายุมากเพราะเริ่มลำบากยากจน ดังนั้น ทุกคนควรจะมีความหวังในการดำรงชีวิต แต่อย่าหวังอะไรจนเกินพอดี เพราะจะทำให้ทุกข์ใจได้

10.มองโลกในแง่ดีเสมอ

ในชีวิตคนเรา เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องประสบพบเจอกับสิ่งร้ายๆหรือมีความผิดหวังเข้ามาในชีวิตบ้าง เช่น ถูกเอาเปรียบ รังแก กลั่นแกล้ง ก็ให้คิดเสียว่าเป็นธรรมดาของสัตว์โลก ช่างมันเถอะ เราไม่ทุกข์ใจก็พอ เพราะถ้าเราทุกข์ใจเรื่องยิ่งบานปลาย ถูกรังแกยิ่งทุกข์ใจเข้าไปอีก หัดมองในสิ่งดีของคนอื่นมากๆจะทำให้ชีวิตสดใส เงินไม่พอใช้ก็ลองมองว่า ดีเหมือนกันที่เราจะได้เรียนรู้รสชาติของความยากจน พยายามมองทุกสิ่งในโลกนี้ว่าเป็นเรื่องปกติเสียก็สิ้นเรื่อง

11.หัวเราะบ่อยๆ

เป็นจริงอย่างที่ว่าการหัวเราะคือยาวิเศษ เพราะช่วยผ่อนคลายความเครียด ทำให้จิตใจสดชื่นขึ้น ลองคุยเรื่องขำขัน ดูตลก หาการ์ตูนขำขันมาอ่านบ้าง ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้หัวเราะ การหัวเราะช่วยบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า ช่วยให้แก่ช้า สดใส หลายๆคนเข้าใจผิด มักคิดว่าการหัวเราะทำให้เกิดรอยย่นตรงนั้นตรงนี้บนใบหน้า ยิ้มกว้างก็กลัวย่น ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง ทุกวันนี้คนหัวเราะง่ายจะลดลงเรื่อยๆเพราะสภาพแวดล้อมไม่ดีมีมากขึ้น

12.ฝึกนั่งสมาธิ

เชื่อหรือไม่ว่าการนั่งสมาธิมีประโยชน์มากต่อสุขภาพจิต การนั่งสมาธิคือการฝึกจิตวิธีหนึ่ง หมายถึงการนั่งทำใจให้ว่างเปล่า เพื่อเป็นการช่วยเสริมสุขภาพจิตและผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ การนั่งสมาธิไม่ได้จำกัดเฉพาะในกลุ่มพุทธศาสนิกชนเท่านั้น เพราะไม่ใช่พิธีกรรมทางศาสนา แต่เป็นวิธีปฏิบัติตามปกติที่สามารถช่วยทำให้จิตใจสงบนิ่ง จึงสามารถทำได้ทุกคน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไรก็ตาม วันหนึ่งควรนั่งสมาธิประมาณ 10-30 นาที

12 การดูแลสุขภาพจิตของตนเอง