งานวิจัยเผย อาหารเพื่อสุขภาพ ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเนื้อแดงและเนื้อแปรรูป

อาหารเพื่อสุขภาพ

เมื่อวานนี้ (28 ตุลาคม) งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและมหาวิทยาลัยมินนิโซตา เผยแพร่ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences (PNAS) ระบุว่า อาหารเพื่อสุขภาพส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย ส่วนอาหารอื่นๆ เช่น เนื้อแดง ส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยนับว่าเป็นครั้งแรกที่นักวิจัยนำเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพมาเชื่อมโยงเข้ากับสิ่งแวดล้อม

ทีมนักวิจัยทำการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของอาหารจากโลกตะวันตกราว 15 ประเภท พบว่า ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืช คืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันโรค พร้อมกับรักษาสภาพภูมิอากาศและแหล่งน้ำ

ขณะที่การบริโภคเนื้อแดงและเนื้อแปรรูปเป็นสาเหตุที่อาจก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บและมลภาวะ นักวิจัยจึงแนะนำว่าหากบริโภคอาหารที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระดับปานกลาง และไม่ส่งผลร้ายกับสุขภาพอย่างธัญพืชที่ผ่านการขัดสีแล้ว ผลิตภัณฑ์จากนม ไข่ และเนื้อไก่ที่พอจะสามารถทดแทนการบริโภคเนื้อแดงได้ จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อมไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม มีอาหารไม่กี่ประเภทที่ได้รับข้อยกเว้นจากการค้นพบดังกล่าวคือ ปลา ซึ่งเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่สร้างผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมากกว่าค่าเฉลี่ยของอาหารที่เน้นพืชเป็นหลัก (Plant-based diets) และอาหารที่มีน้ำตาลสูงอย่างบิสกิตหรือน้ำอัดลมส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมน้อย แต่กลับเป็นอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ

ไมเคิล คลาร์ก หัวหน้าทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดกล่าวว่า “การเลือกอาหารที่ดีและสร้างความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหนทางหลักที่ผู้คนสามารถสร้างเสริมสุขภาพและรักษาสิ่งแวดล้อมได้”

ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์คาดหวังว่าข้อมูลที่มีรายละเอียดมากกว่านี้จะช่วยให้ผู้บริโภค นักวางแผนนโยบาย และบริษัทผลิตอาหารเลือกสิ่งที่ดีกว่าได้ นักวิจัยจึงกำลังทำงานเกี่ยวกับฉลากอาหารที่ให้ข้อมูลทั้งด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมควบคู่กัน เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกอาหารของผู้บริโภคด้วย

งานวิจัยเผย อาหารเพื่อสุขภาพ ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเนื้อแดงและเนื้อแปรรูป

อาหารลดน้ำหนัก อาหารเพื่อสุขภาพ

การรักษาโรคอ้วนด้วยแพทย์แผนจีน

การรักษาโรคอ้วนด้วยแพทย์แผนจีน

โรคอ้วน  หมายถึง  ภาวะไม่สมดุลย์  มีการสะสมไขมันมากเกิน หรือไปอยู่ที่ใดที่หนึ่งมากเกินไป   โรคอ้วนแบ่งได้ 2 ชนิด  ได้แก่

1. อ้วนแบบธรรมดา

2. อ้วนแบบทุติยภูมิ

วิธีการวินิจฉัย

1. ดัชนี น้ำหนัก โดยใช้ BMI = น้ำหนัก (kg) / ความสูง (m2) ค่าปกติ 25 ≥ 25 – 28 ถือว่าเกินพิกัด มากกว่า 28 ถือว่าเป็นโรคอ้วน

2. น้ำหนัก มากกว่าน้ำหนักปกติ 20 – 30%

3. รอบเอวผู้หญิงมากกว่า 85 เซนติเมตร รอบเอวผู้ชายมากกว่า 80 เซนติเมตร  ชั้นไขมันมากกว่า 2.5 เซนติเมตรอ้วนแบบธรรมดาพบได้ร้อยละ 90 ของคนไข้โรคอ้วน สาเหตุเกิดจากรูปแบบวิถีการใช้ชีวิต เช่น การบริโภคมากขึ้น ไม่ออกกำลังกาย ชอบนั่ง นอน อยู่เฉยๆ ไม่เคลื่อนไหว มักพบร่วมกับโรคเรื้อรังหรือนำไปสู่โรคเรื้อรังอื่น เช่น เบาหวาน ความดัน โรคเกี่ยวกับหลอดเลือด ไม่ปรากฏว่ามีความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ หรือขั้นตอนของขบวนการเคมี เช่น การขับเกลือโซเดียมที่ตกค้างผิดปกติ  เกิดน้ำตกค้างในร่างกายทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือการใช้ยาฮอร์โมนได้ผลดี หรือผลจากหลังอุบัติเหตุทางสมอง ผลจากกรรมพันธุ์ เหล่านี้จัดเป็นการอ้วนแบบทุติยภูมิซึ่งการฝังเข็มจะไม่ได้ผลดี

การวินิจฉัยแยกกลุ่มอาการโรค
ทางการแพทย์จีนโรคอ้วนมีความสัมพันธ์กับม้าม ตับ ไต กระเพาะ ลำไส้ใหญ่ ถุงน้ำดี ส่วนใหญ่แบ่งการวินิจฉัยได้ ดังนี้

1. เสมหะชื้นปิดกั้น  มีลักษณะ หน้า คอ อ้วน ตัว หัวหนักๆ แน่นหน้าอก แน่นบริเวณกระเพาะใจสั่นหายใจสั้น ชอบนอน น้ำลายเหนียว อุจจาระเหนียวหรือเละๆ

ลิ้น      อ้วน ซีด มีรอยฟัน ฝ้าเหนียว
ชีพจร   ลื่นหรือห่วน ไม่มีแรง (Hua or Huan Mai滑或缓脉.)

2. กระเพาะลำไส้ใหญ่ร้อน มีลักษณะอ้วนทั้งช่วงบนช่วงล่างของตัว กินเก่ง ปากแห้งชอบดื่ม น้ำเย็น ไม่ชอบร้อน เหงื่อออกมาก หงุดหงิด ขี้โมโห อุจจาระผูก ปัสสาวะสั้นเหลือง

ลิ้น      แดง ฝ้าเหลืองเหนียว
ชีพจร  ลื่นเร็ว  (Hua Shu Mai 滑数脉)

3. ชี่ตับติดขัด มีอาการแน่นหน้าอกและชายโครง แน่นบริเวณเต้านมหรือบริเวณท้องช่วงบนหรือปอด ไม่มีตำแหน่งแน่นอนเคลื่อนไปมาเปลี่ยนที่ได้ สัมพันธ์กับการเปลี่ยน แปลงของอารมณ์ ชอบถอนหายใจหรือเลอ หรือผายลมจะสบายขึ้น

ลิ้น      ฝ้าขาวบาง
ชีพจร  ตึง ( Xian Mai 弦脉)

4. ม้ามและไตหยางพร่อง มีอาการปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะครั้งละมากๆ ไม่ค่อยมีแรง ปวดเอว เมื่อยขา หน้าขาบวม ท้องอืด เบื่ออาหาร อุจจาระเหลว  

ลิ้น     ซีด ฝ้าขาว
ชีพจร  จมเล็กไม่มีแรง (Chen Xi Mai .沉细脉)

“โรคอ้วน”
 คือ การที่ร่างกายมีการสะสมไขมันภายในมากเกินไป รวมทั้งมีอาการวิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง ไม่มีชีวิตชีวา พูดน้อย เคลื่อนไหวเชื่องช้า หายใจไม่เต็มอิ่ม

กลไกของโรคอ้วน เกิดจากความอ่อนแอของกระเพาะอาหารและม้าม ทำให้มีการสะสมของเสมหะความชื้น ทำให้ชี่ติดขัด เลือดคั่ง และความร้อนเกิดขึ้นในร่างกาย

ตำแหน่งของโรคอ้วนเกี่ยวข้องกับม้ามและกล้ามเนื้อ โดยมีความสัมพันธ์กับไตพร่องร่วมกับมีการทำงานที่ผิดปกติของหัวใจและปอด และยังสัมพันธ์กับการทำหน้าที่ระบายของตับเสียไป


กลไกของโรคอ้วนสัมพันธ์กับหยางชี่พร่องมาก มีเสมหะความชื้นมาก ชี่ของม้ามพร่อง ทำให้การลำเลียงของม้ามไม่มีกำลัง สารอาหารต่างๆไม่ถูกลำเลียงส่งกระจายไปทั่วร่างกายอย่างเหมาะสม จึงแปรสภาพเป็นไขมัน น้ำและความชื้นตกค้างติดขัดอยู่ภายใน และไตหยางพร่องมากทำให้ไม่มีแรงพอที่จะขับเคลื่อนการไหลเวียนของเลือด สารน้ำไม่ถูกผลักดันให้ขึ้นบน ทำให้การไหลเวียนของเลือดช้า ความชื้นหยุดนิ่ง ทำให้เป็นโรคอ้วน


วิธีการรักษาด้วยหลักการแพทย์แผนจีน นอกจากการแยกวิเคราะห์สาเหตุของการเกิดโรคอ้วนแล้ว ยังมีสมุนไพรเดี่ยวและยาจีน ซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยลดความอ้วน ขจัดไขมัน รวมถึงการฝังเข็มด้วยเทคนิคต่างๆ อันเป็นลักษณะเด่นของการแพทย์แผนจีนอย่างหนึ่ง ซึ่งมีประสิทธิผลในการรักษาดียิ่ง



ปัจจุบันอัตราการเกิดโรคอ้วนเพิ่มมากขึ้น เป็นผลร้ายต่อสุขภาพ และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สมุนไพรจีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันและรักษาภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคอ้วน

แพทย์จีนวินิจฉัยโรคอ้วนอย่างไร
1. มีนิสัยการรับประทานอาหารมากเกินไป ชอบรับประทานอาหารหวานมัน รสจัด ขาดการออกกำลังกาย หรือมีประวัติในครอบครัว


2. มีน้ำหนักตัวเกินกว่ามาตรฐานชัดเจน รูปร่างอ้วนทั้งตัว ผิวหนังแตกลาย


3. มักพบว่า ร่างกายมีกำลังลดน้อยลง ถ้ามีกิจกรรมทางกายเพียงเล็กน้อยหรือทำงานหนัก จะรู้สึกไม่สดชื่นและไม่มีแรง หายใจไม่เต็มอิ่ม ใจสั่น แน่นหน้าอก ไอมีเสมหะ ง่วงง่าย ชอบนอน ไม่อยากพูดประสิทธิภาพทางเพศลดลง ในเพศหญิง ประจำเดือนไม่มา มีบุตรยาก ขนดก หรือมีลักษณะคล้ายเพศชาย สำหรับในเพศชาย ทำเกิดความเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและมีบุตรยาก มักมีอาการหิวง่าย กินเก่ง หรือกินน้อยแต่อ้วนง่าย อาจมีอาการแน่นท้อง ท้องผูก หรือมีอาการปวดเมื่อยหลังและเอว หรือปวดข้อ เหงื่อออกมาก


4.  คนอ้วนบางราย อาจพบว่า บริเวณหน้าอก ทรวงอก หน้าท้อง  ต้นขา มีสีผิวค่อนข้างดำคล้ำ หรือแดงซีด แตกลาย จนถึงผิวมีจุดหรือปื้นสีเข้ม

5. มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานร้อยละ 20 หรือค่าดัชนีมวลกาย (BMI)>24 กก./ตร.ม



หลักการรักษา  
–  ถ้าเกิดจากความชื้นเสมหะปิดกั้น ใช้วิธีบำรุงม้ามกระเพาะ สลายเสมหะความชื้น
–  ถ้าเกิดจากกระเพาะลำไส้ร้อน ใช้วิธีระบายไฟกระเพาะและระบายลำไส้ใหญ่
–  ถ้าเกิดจากตับแกร่งชี่ติดขัด ใช้วิธี สลายชี่ติดขัด บำรุงม้ามกระเพาะ
–  ถ้าเกิดจากหยาง ม้ามไตพร่อง ใช้วิธีบำรุงหยางม้ามไต

เส้นลมปราณที่แพทย์จีนใช้รักษาส่วนใหญ่ ได้แก่ เญิ่นม่าย  ไท่อินเท้า  หยางหมิงแขน-ขา  ไท่หยางขา ซานเจียวมือ เป็นต้น



หลักการรักษาโรคอ้วนด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีน
โรคอ้วน มีทั้งลักษณะภาวะแกร่งภายนอกและภาวะพร่องภายนอก หลักการรักษา เน้นการบำรุงในภาวะพร่อง และการระบายในภาวะแกร่ง


วิธีการบำรุง
ใช้กับผู้ที่มีภาวะพร่อง คือ บำรุงชี่ม้ามจนถึงการบำรุงไต

วิธีการระบาย
ใช้กับผู้ที่มีภาวะแกร่ง คือ ขจัดความชื้น สลายเหสมหะ ปรับการไหลเวียนของชี่ ขับน้ำ ช่วยการย่อย ระบายให้มีการขับอุจจาระได้ดีไม่มีตกค้าง สลายเลือดคั่ง เพื่อสลายเสมหะ ขจัดความชื้น เลือดคั่ง และไขมันที่ตกค้างในร่างกาย

วิธีการต่างๆดังกล่าง เป็นการสลายเสมหะและขจัดความชื้น เป็นวิธีการที่ใช้บ่อยและต้องใช้ตลอดเวลาการรักษา



การรักษาด้วยยาจีนตามการวิเคราะห์แยกกลุ่มอาการโรค
1. กลุ่มอาการกระเพาะอาหารร้อน ความร้อนติดขัด
หลักการรักษา : ขจัดและระบายความร้อนของกระเพาะอาหาร เสริมช่วยการย่อยอาหาร

2. กลุ่มอาการเสมหะความชื้นสะสมภายในร่างกาย
หลักการรักษา : สลายเสมหะ ขจัดความชื้น ปรับการไหลเวียนของชี่ สลายไขมัน

3. กลุ่มอาการชี่ติดขัด เลือดคั่ง
หลักการรักษา : ปรับการไหลเวียนของชี่ ขจัดชี่ติดขัด เพิ่มการไหลเวียนของเลือดและสลายเลือดคั่ง

4. กลุ่มอาการม้ามพร่องไม่ลำเลียง
หลักการรักษา : เสริมม้าม บำรุงชี่ ระบายความชื้น

5. กลุ่มอาการหยางของม้ามและไตพร่อง
หลักการรักษา : อุ่นบำรุงหยางของม้ามและไต

5 เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ ที่ร้านอาหารจะต้องตามให้ทัน

1.เน้นเมนูผัก รักสุขภาพ

ทุกวันนี้มีผู้บริโภคที่กินมังสวิรัติหรือวีแกนมากขึ้น แม้อาจยังไม่ได้เป็นประชากรส่วนใหญ่ แต่ด้วยจำนวนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำให้ร้านอาหารมองข้ามคนกลุ่มนี้ไม่ได้ ดังนั้นร้านอาหารใดที่ไม่อยากพลาดโอกาสสร้างรายได้จากคนกลุ่มนี้ อาจต้องเพิ่มอาหารมังสวิรัติหรือวีแกนเข้าไปในเมนูด้วย เช่น ทำซูชิเต้าหู้ เบอร์เกอร์เห็ด เป็นต้น เพื่อเป็นทางเลือกให้กลุ่มคนเหล่านี้

อาหารคลีน

2.เมนูที่มีส่วนผสมของวัตถุดิบจากท้องถิ่นนั้นๆ

เทรนด์อาหารที่มาแรงเป็นอันดับต้นๆ คือ เมนูที่มีส่วนผสมของวัตถุดิบท้องถิ่นนั้นๆ เช่น หากร้านอาหารของคุณตั้งอยู่ในต่างจังหวัด อาจนำของดีประจำจังหวัดนั้นๆ หรือวัตถุดิบท้องถิ่นที่หาได้เฉพาะพื้นที่นี้เท่านั้น มาชูเป็นจุดเด่น เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าอยากเข้ามาลิ้มลองเมนูของเรา โดยอาจเลือกปรุงเป็นอาหารพื้นเมือง หรือจะประยุกต์ให้เข้ากับรสชาติที่นักท่องเที่ยวคุ้นเคยก็ได้ ตามคอนเซ็ปต์ของร้านอาหารเรา

อาหารพื้นบ้าน

3.เมนูง่ายๆ แต่ได้คุณประโยชน์สูง

ผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มหันมาเลือกรับประทานอาหารง่ายๆ แต่ได้คุณประโยชน์สูงมากยิ่งขึ้น เช่น เมนูที่ปรุงจากผักสดที่อุดมไปด้วยสารอาหาร เมล็ดธัญพืชหรือว่าวัตถุดิบที่อัดแน่นไปด้วยโปรตีน ดังนั้นร้านอาหารไหนอยากเอาใจผู้บริโภคยุคใหม่ ลองหันมาเพิ่มเมนูง่ายๆ ที่ปรุงจากวัตถุดิบสดใหม่ ส่งตรงจากฟาร์มดู โดยอาจทำ Story Telling บอกที่ไปที่มา คุณประโยชน์ หรือความพิเศษของวัตถุดิบเหล่านั้น จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าอยากลิ้มลองเมนูนั้นมากขึ้น

5 เครื่องดื่มสุขภาพ

4.วัตถุดิบมาจากท้องถิ่น ได้ช่วยเหลือสังคม

ต่อยอดมาจากข้อที่แล้ว นอกจากลูกค้าจะอยากรู้ว่าวัตถุดิบที่เขารับประทานมีที่ไปที่มาจากที่ไหนแล้ว ยังอยากรู้ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่จ่าย สร้างประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหนด้วย ฉะนั้นเมนูไหนระบุว่า วัตถุดิบส่งตรงมาจากชุมชน หรือมีส่วนช่วยสนับสนุนให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ลูกค้ายินดีจ่ายให้คุณมากขึ้นแน่นอน

5.ชูรสชาติวัตถุดิบหลัก

เทรนด์สุดท้ายที่เชฟส่วนใหญ่ลงความเห็นคือ Back to Basic เมนูที่ลูกค้าส่วนใหญ่นิยมสั่งมากขึ้น คือเมนูที่ง่ายๆ ใช้เครื่องปรุงรสน้อยๆ เพื่อให้ได้ลิ้มรสชาติวัตถุดิบที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด เช่น สเต๊กเนื้อ อาจปรุงแค่เกลือและพริกไทย เพื่อให้ลูกค้าได้ลิ้มลองรสชาติของเนื้อเต็มๆ คำ เป็นต้น ฉะนั้นแทนที่เชฟจะคิดค้นเมนูแปลกพิสดาร อาจลองนำเมนูง่ายๆ มาเสนอขายลูกค้าดูบ้าง เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้ผู้บริโภคในยุคนี้

5 เทรน์อาหาร

จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคสมั้ยนี้เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก เลือกมากขึ้น ใส่ใจมากขึ้น รวมถึงขั้นตอนการเลือกสรรวัตถุดิบ ต้องมีที่มา ที่ไป บทความนี้จะเป็นประโยชน์ทั้งกับผู้ประกอบการร้านอาหารหรือคนทั่วไปยังสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย การทำอาหารให้กับครอบครัวหรือคนที่เรารักทาน เพราะแสดงออกถึงความใส่ใจในทุกๆรายละเอียดขั้นตอน และนี่ก็เป็น 5 เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ ที่เรานำมาฝากกันค่ะ

งานวิจัยเผย อาหารเพื่อสุขภาพ ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเนื้อแดงและเนื้อแปรรูป

อาหารเพื่อสุขภาพ

เมื่อวานนี้ (28 ตุลาคม) งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและมหาวิทยาลัยมินนิโซตา เผยแพร่ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences (PNAS) ระบุว่า อาหารเพื่อสุขภาพส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย ส่วนอาหารอื่นๆ เช่น เนื้อแดง ส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยนับว่าเป็นครั้งแรกที่นักวิจัยนำเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพมาเชื่อมโยงเข้ากับสิ่งแวดล้อม

ทีมนักวิจัยทำการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของอาหารจากโลกตะวันตกราว 15 ประเภท พบว่า ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืช คืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันโรค พร้อมกับรักษาสภาพภูมิอากาศและแหล่งน้ำ

ขณะที่การบริโภคเนื้อแดงและเนื้อแปรรูปเป็นสาเหตุที่อาจก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บและมลภาวะ นักวิจัยจึงแนะนำว่าหากบริโภคอาหารที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระดับปานกลาง และไม่ส่งผลร้ายกับสุขภาพอย่างธัญพืชที่ผ่านการขัดสีแล้ว ผลิตภัณฑ์จากนม ไข่ และเนื้อไก่ที่พอจะสามารถทดแทนการบริโภคเนื้อแดงได้ จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อมไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม มีอาหารไม่กี่ประเภทที่ได้รับข้อยกเว้นจากการค้นพบดังกล่าวคือ ปลา ซึ่งเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่สร้างผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมากกว่าค่าเฉลี่ยของอาหารที่เน้นพืชเป็นหลัก (Plant-based diets) และอาหารที่มีน้ำตาลสูงอย่างบิสกิตหรือน้ำอัดลมส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมน้อย แต่กลับเป็นอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ

ไมเคิล คลาร์ก หัวหน้าทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดกล่าวว่า “การเลือกอาหารที่ดีและสร้างความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหนทางหลักที่ผู้คนสามารถสร้างเสริมสุขภาพและรักษาสิ่งแวดล้อมได้”

ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์คาดหวังว่าข้อมูลที่มีรายละเอียดมากกว่านี้จะช่วยให้ผู้บริโภค นักวางแผนนโยบาย และบริษัทผลิตอาหารเลือกสิ่งที่ดีกว่าได้ นักวิจัยจึงกำลังทำงานเกี่ยวกับฉลากอาหารที่ให้ข้อมูลทั้งด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมควบคู่กัน เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกอาหารของผู้บริโภคด้วย

5 อาหารเพื่อสุขภาพ สร้างสุขภาพดีรับวันปีใหม่

วิธีการดูแลสุขภาพเพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงนั้น นอกจากการออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอแล้ว การรู้จักเลือกรับประทานอาหารก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สุขภาพดีได้ การยึดอาหารหลัก 5 หมู่ และเพิ่มความสำคัญของการกินอาหารแต่ละหมู่ให้มีความหลากหลาย ไม่จำเจอยู่เพียงอาหารไม่กี่ชนิด เพราะอาหารบางชนิดก็เป็นยาดีของสุขภาพร่างกาย ที่ทำให้เรามีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และยังช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้อีกด้วย
อาหารเพื่อสุขภาพ หรืออาหารคลีน ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่ใส่ใจสุขภาพหรือสายเฮลตี้ สร้างความสมดุลในร่างกาย เพียแค่เรารู้จักเลือกสรร และนำไปปรุงให้ถูกวิธี อาหารเพื่อสุขภาพเหล่านี้ก็จะกลายเป็นมื้อที่อร่อยได้ วันนี้ขอแนะนำ 5 อาหารเพื่อสุขภาพให้ไปเลือกทานกันต่อ

5 อาหารเพื่อสุขภาพ เมนูทางเลือกเอาใจคนรักสุขภาพ

1. ควีนัว
ใครที่เป็นสายกินคลีน หรือรักสุขภาพ ต้องรู้จักกับธัญพืชที่ชื่อว่า “ควินัว อย่างแน่นอน เป็นพืชตระกูลเดียวกับหัวบีท ผักโขม มีประโยชน์มากมายจนได้ชื่อว่าเป็น “ซูเปอร์ฟู้ด” เพราะถือเป็นแหล่งเส้นใยอาหารชั้นดี
ประโยชน์ของควินัว
• ควินัว 1 ถ้วยจะมีปริมาณเส้นใยอาหารประมาณ 5 กรัม เป็นเส้นใยชนิดไม่ละลายน้ำที่จำเป็นต่อระบบการย่อยอาหารในร่างกาย
• ควินัวเป็นพืชที่มีคอเลสเตอรอลต่ำ จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมอาหาร รวมไปถึงเหมาะเป็นอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน

2. ถั่วอัลมอนด์
เป็นถั่วที่มีคุณค่าทางสารอาหารต่อร่างกายสูงกว่าถั่วชนิดอื่น ๆ สามารถนำมารับประทานแทนอาหารมื้อหลัก หรือรับประทานแทนขนมกินเล่นก็ได้
ประโยชน์ของอัลมอนด์
• อัลมอนด์มีประโยชน์ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย รับประทานเป็นอาหารว่างจะช่วยลดการกินจุกกินจิกและลดดความหิวระหว่างมื้ออาหาร
• เมื่อรับประทานอัลมอนด์เป็นประจำทุกวันจะช่วยลดน้ำหนักได้ เพราะในอัลมอนด์ 1 เมล็ดนั้นให้พลังงานเพียงแค่ 7 แคลลอรีเท่านั้น

3. ปลาแซลมอน
จัดเป็นปลาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั้งในหมู่ คนไทยและชาวญี่ปุ่น นิยมนำมาทำทั้งซูซิและซาชิมิ เพราะนอกจากจะมีรสชาติที่ถูกปากแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
ประโยชน์ของปลาแซลมอน
• ปลาแซลมอนเป็นโปรตีนที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่าย
• โอเมก้า3 ในปลาแซลมอนจะช่วยลดคอเลสเตอรอลตัวร้าย(LDL)และลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลตัวดี(HDL)

4. อกไก่
อกไก่ถือเป็นของโปรดของสายเฮลตี้เลย เพราะ เนื้อไก่เป็นเนื้อสัตว์ที่ให้พลังงานสูงชนิดหนึ่ง อุดมไปด้วยโปรตีน ย่อยง่าย มีสัดส่วนไขมันต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อส่วนอกนั้นแทบไม่มีไขมันปนอยู่เลย จึงนิยมทำมาปรุงอาหารสำหรับดูแลสุขภาพจำพวกอาหารคลีน อกไก่เหมาะสำหรับปรุงอาหารสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักไม่ว่าจะเป็น สเต็กไก่ โดยการนำไปหมักและย่าง ทานคู่กับผักเครื่องเคียงต่างๆก็อร่อยแบบสุดๆ
ประโยชน์ของอกไก่
• อกไก่ให้โปรตีนสูงแต่พลังงานต่ำ
• โปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยซ่อมแซมอวัยวะส่วนที่สึกเหรอในร่างกาย เสริมสร้างกล้ามเนื้อ

5. ไข่ไก่
การรับประทานไข่ไก่เป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหารจะช่วยให้อิ่มยาวนานขึ้น และรับประทานอาหารได้น้อยลง
ประโยชน์ของไข่ไก่
• ไข่ไก่เป็นหนึ่งในอาหารโปรตีนสูง ใน 1 ฟองจะมีโปรตีน 6 กรัม
• ไข่ไก่เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งผู้ที่ต้องการมีกล้ามเนื้อทั้งหลายต่างเลือกรับประทาน เพราะเชื่อว่าจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ดี เนื่องจากโปรตีนมีส่วนช่วยในการเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย

5 อาหารเพื่อสุขภาพ สร้างสุขภาพดีรับวันปีใหม่

อาหารเพื่อสุขภาพ

8 วิธีการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีต่อกายควบคุมน้ำหนัก

--8-วิธีการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีต่อกายควบคุมน้ำหนัก---feat

การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของสุขภาพได้ ลองตั้งเป้าหมายที่จะควบคุมน้ำหนักมาสัก 6 -8 ข้อ โดยมีเป้าหมายที่จะกินอาหารเพื่อสุขภาพอย่างน้อย 1 ข้อในหนึ่งสัปดาห์ และต้องทำติดต่อกันเป็นเวลา 6 สัปดาห์ขึ้นไป

พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ดี ลดน้ำหนัก

พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ดี

1.กินผักและผลไม้ให้ได้ครึ่งหนึ่ง

เลือกรับประทานผักสีแดง ส้ม และเขียวเข้ม อย่างเช่น มะเขือเทศ มันหวาน และบล็อกโคลี่ หรือผักอื่นๆในมื้ออาหาร รวมถึงเพิ่มการกินผลไม้ในอาหารจานหลัก เครื่องเคียง หรืออาจจะรับประทานเป็นของหวานก็ได้ เพราะไม่เพียงแค่จะช่วยให้อาหารมีสีสันที่น่ารับประทานเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณได้รับวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารต่างๆที่ร่างกายต้องการได้รับอีกด้วย

2.เปลี่ยนการกินธัญพืชขัดสีมาเป็นธัญพืชเต็มเมล็ด

เป็นเรื่องง่ายที่จะเปลี่ยนการรับประทานธัญพืชขัดสีมาเป็นธัญพืชเต็มเมล็ดให้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เลือกรับประทานขนมปังโฮลวีทแทนขนมปังขาว โดยคุณสามารถเลือกได้ด้วยการอ่านส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ และเลือกผลิตภัณฑ์ที่เขียนว่าธัญพืชเต็มเมล็ด (Whole-grain) หรือคำอื่นๆ เช่น โฮลวีท (Whole wheat) ข้าวกล้อง (Brown rice) บัลเกอร์ (Bulgur) บักวีต (Buckwheat) ข้าวโอ๊ต (Oatmeal) ควินัว (Quinoa) หรือข้าวป่า (Wild rice)

เปลี่ยนการกินธัญพืชขัดสีมาเป็นธัญพืชเต็มเมล็ด

3.เปลี่ยนมาดื่มนมไร้ไขมัน หรือนมไขมันต่ำ (1 %)

นมทั้ง 2 แบบนั้นมีแคลเซียมและสารอาหารที่สำคัญเหมือนกับนมทั่วไป แต่จะให้แคลอรี่และไขมันในปริมาณที่น้อยว่า

4.เลือกกินอาหารที่มีโปรตีนไขมันต่ำ

เนื้อสัตว์ สัตว์ปีก อาหารทะเล ถั่วอบแห้ง ไข่ หรือเมล็ดพืช ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นอาหารที่ให้โปรตีน โดยให้เลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่ได้ตัดไขมันออกแล้ว (ในฉลากจะมีบอกว่าตัดไขมันออกแล้ว 90% หรืออาจจะมากกว่านั้น) และเลือกรับประทานเนื้อไก่ในส่วนอก

เลือกกินอาหารที่มีโปรตีนไขมันต่ำ ลดน้ำหนัก

5.เปรียบเทียบปริมาณของโซเดียมในอาหาร

ตรวจดูปริมาณโซเดียมในกรอบข้อมูลโภชนาการ เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณของโซเดียมน้อยกว่า เช่นในซุป ขนมปัง และอาหารแช่แข็ง ซึ่งอาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโซเดียมจำนวนมาก ดังนั้นจึงควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่าโซเดียมต่ำ (Low sodium / Reduce sodium) หรือไม่ใส่ผลิตภัณฑ์ให้ความเค็ม (No-salt added)

6.ดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำหวาน

โซดา เครื่องดื่มชูกำลัง และเครื่องดื่มเกลือแร่ เป็นเครื่องดื่มที่มีการใส่น้ำตาลและให้แคลอรี่ที่สูง ดังนั้นคุณควรหยุดหรือลดการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ หรือไม่ก็ลองนำมะนาวสไลด์ แตงโม หรือน้ำผลไม้คั้น 100% มาผสมลงในน้ำเปล่า เพื่อที่จะให้ได้รสชาติของผลไม้ในน้ำดื่มของคุณ

ดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำหวาน

7.กินอาหารทะเล (บางชนิด)

อาหารทะเลให้สารอาหารประเภทโปรตีน แร่ธาตุ และโอเมก้า 3 (เป็นไขมันที่ดีต่อหัวใจ) ในวัยผู้ใหญ่ควรรับประทานอย่างน้อย 8 ออนซ์ต่อสัปดาห์ ส่วนในเด็กนั้นให้รับประทานเพียงแค่เล็กน้อย โดยอาหารทะเลที่รับประทานจะต้องมีความหลากหลาย ไม่ใช่รับประทานเพียงชนิดเดียว เช่น อาหารทะเลประเภท ปลา (แซลมอน ทูน่า ปลาเทราท์ ฯลฯ) และสัตว์น้ำที่มีเปลือก (ปู หอยแมลงภู่ หอยนางรม ฯลฯ)

8.เลิกกินอาหารที่มีผลึกไขมัน

บริโภคอาหารที่มีผลึกไขมันให้น้อยลง จากการศึกษากับชาวอเมริกันพบว่าอาหารประเภท พิซซ่า เค้ก คุกกี้ ขนมหวานต่างๆ (ที่มักจะมีส่วนผสมของเนย เนยเทียม หรือเนยขาว) เนื้อสัตว์ที่มีไขมัน (เช่น ไส้กรอก ฮอตดอก เบคอน เนื้อซี่โครง) และไอศกรีมเป็นอาหารที่มีปริมาณของผลึกไขมันสูง

เลิกกินอาหารที่มีผลึกไขมัน ลดน้ำหนัก

สิ่งที่ควรลองทำ

เน้นการรับประทานผักและผลไม้

  • ผสมผักลงไปในมื้ออาหาร เช่น ใส่ผักโขมลงไปในพาสต้า หรือใส่พริกลงในทาโก้
  • รับประทานผักและผลไม้แบบสด แช่แข็ง หรือบรรจุกระป๋องก็ได้ เพราะไม่ว่าจะรับประทานในรูปแบบไหนก็ได้สารอาหารที่ดีเช่นกัน แต่ต้องตรวจดูที่ฉลากของผลิตภัณฑ์ในเรื่องของปริมาณโซเดียม และการบรรจุผลไม้ว่าเป็นการบรรจุในน้ำเปล่า หรือในน้ำผลไม้ 100% (ไม่ใส่น้ำเชื่อม)
  • จัดมื้อกลางวันของเด็กๆให้มีผักและผลไม้ด้วย เช่น แอปเปิลหันชิ้น กล้วย หรือแครอท
เน้นการรับประทานผักและผลไม้

ขนมเพื่อสุขภาพ

  • หั่นผัก ผลไม้ เช่น แครอท พริก หรือส้ม แช่เก็บไว้ในตู้เย็น
  • สอนให้เด็กๆรู้ถึงความแตกต่างระหว่างขนมที่ควรรับประทานในทุกวัน เช่น ผัก ผลไม้ และขนมที่ควรรับประทานเป็นครั้งคราว เช่น คุกกี้ หรือลูกอม
  • ทำน้ำดื่มให้เป็นขนม โดยให้ลองนำมะนาวสไลด์ หรือน้ำผลไม้คั้น 100% มาผสมลงในน้ำเปล่า
  • เปลี่ยนกล่องคุกกี้ให้เป็นตะกร้าผลไม้

ลดไขมัน เกลือ และน้ำตาล

  • เลือกรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยวิธีการการอบ หรือย่างแทนการทอด
  • ดื่มเครื่องที่ไม่มีไขมัน หรือนมไขมันต่ำแทนการดื่มโคลา หรือน้ำหวาน
  • รับประทานผลไม้เป็นของหวานในทุกๆวัน เช่น พายแอปเปิล พายลูกแพร หรือสลัดผลไม้
  • อ่านฉลากของอาหาร ตรวจสอบปริมาณของโซเดียม
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่ใส่เกลือเพิ่ม และให้เลือกการปรุงรสด้วยสมุนไพรและพริกแทน
ควบคุมปริมาณอาหาร ลดน้ำหนัก

ควบคุมปริมาณอาหาร

  • ใช้ภาชนะใส่อาหารขนาดเล็กเพื่อควบคุมปริมาณของอาหาร
  • ไม่ต้องรับประทานให้หมดจาน ถ้าหากว่าอิ่มแล้วใช้วิธีการเก็บไว้รับประทานในวันต่อไป
  • ปริมาณของอาหารที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับอายุ เพศ และกิจกรรมที่ทำของแต่ละบุคคล

การกินอย่างสุขภาพดีที่โรงเรียน

  • นำขนมเพื่อสุขภาพแทนการนำขนมหวานไปโรงเรียนเมื่อมีงานวันเกิด หรือกิจกรรมเฉลิมฉลองต่างๆ
  • ทำกล่องอาหารกลางวันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ธัญพืชเต็มเมล็ด ผัก ผลไม้ และผลิตภัณฑ์จากนมไขมันต่ำ
  • ให้ความรู้กับคนทำครัวของโรงเรียน เพื่อเปลี่ยนแปลงอาหารกลางวันให้มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น

เคล็ดลับการจัดการกับน้ำหนักด้วยการควบคุมปริมาณแคลอรี่

ถ้าคุณทำตามเป้าหมายทั้ง 8 ข้อที่ได้กล่าวมาข้างบน นั่นก็สามารถช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ต้องการได้อย่างครบถ้วน และนี่คือเคล็ดลับบางส่วนที่คุณจะต้องจำไว้ให้ขึ้นใจถ้าคุณต้องการที่จะจัดการกับน้ำหนักของคุณ

จัดการกับน้ำหนักด้วยการควบคุมปริมาณแคลอรี่

1. ควบคุมปริมาณแคลอรี่

คำนวณหาปริมาณของแคลอรี่ที่ควรได้รับในแต่ละวันของคุณเป็นขั้นตอนแรกของการจัดการกับน้ำหนัก ซึ่งจะช่วยให้สามารถวางแผนการ วิเคราะห์ ติดตามการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายได้

2. รับประทานอาหารให้อร่อย แต่เป็นปริมาณที่ไม่มาก

ใช้เวลาในการรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยให้เต็มที่ เพราะถ้าหากคุณรับประทานอาหารเร็วเกินไป หรือให้ความสนใจกับสิ่งอื่นไปด้วย อาจทำให้คุณได้รับแคลอรี่ในปริมาณที่มากจากการรับประทานอาหาร ดังนั้นให้มุ่งความสนใจไปยังการทำท้องที่หิวให้อิ่มซะก่อน รวมถึงให้คอยเตือนตัวเองว่ากินไปเท่าไหร่และควรหยุดกินเมื่อไหร่

3. กะปริมาณของอาหาร

คำนวณดูให้ดีว่าคุณควรรับประทานอาหารในปริมาณเท่าไหร่ เช่น หนึ่งชาม หนึ่งจาน หรือหนึ่งแก้ว ในเวลาของมื้อเย็นควรหลีกเลี่ยงการทำอาหารมื้อใหญ่ หรือสั่งอาหารชุดใหญ่ ให้เลือกรับประทานให้ปริมาณที่ไม่มาก และห่อเก็บไว้สำหรับมื้อถัดไปหากรับประทานไม่หมด

4. ออกกำลังกาย

การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นตัวช่วยที่จะทำให้คุณจัดการกับน้ำหนักได้ โดยในวัยรุ่นช่วงอายุ 6 – 17 ปี ต้องออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 60 นาที หรือการเดิน 12,000 ก้าว ในวัยผู้ใหญ่ช่วงอายุ 18 ปีขึ้นไป ต้องออกกำลังกายอย่างนี้ 30 นาที หรือเป็นการเดิน 8,500 ก้าวต่อวัน

ออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก

อาหารที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ

  1. สะอาด: ล้างมือ อุปกรณ์ในการทำอาหาร และเขียง ทั้งก่อนและหลังการสัมผัสกับเนื้อสด อาหารทะเล และไข่
  2. แยกส่วน: แยกอาหารที่ปรุงสุกแล้ว และยังไม่ปรุงสุกออกจากกัน
  3. ปรุงอาหาร: ใช้เครื่องวัดอุณหภูมิอาหาร เพื่อตรวจสอบว่าอาหารที่ปรุงสุกแล้วหรือยัง
  4. ความเย็น: หากมีอาหารเหลือ ให้วางไว้ก่อนประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนที่จะนำไปแช่ตู้เย็นที่อุณหภูมิ 40°F (4°C) หรือต่ำกว่านั้น
  5. ล้าง: ล้างผักและผลไม้ด้วยน้ำสะอาด แม้ว่าจะไม่ได้รับประทานเปลือกด้านนอกก็ตาม

สรุป 4 สูตรลดน้ำหนัก วิธีลดความอ้วนจาก 82 ลงมาสู่ 50 กิโลกรัม

สรุป 4 สูตรลดน้ําหนัก วิธีลดความอ้วนจาก 82 ลงมาสู่ 50 กิโลกรัม
  • งดข้าวเย็น
  • งดข้าวเย็น เพิ่มการออกกำลังกาย
  • ออกกำลังกาย คุมแคลอรี่
  • ใช้สูตรอาหารลดน้ำหนัก

ความอ้วน เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับของกินอร่อยๆ มาช้านาน หากว่าใครที่กำลังกินจุกจิก หรือกินเกินความพอดี ความอ้วนจะต้องมาเยือนเราอย่างแน่นอน ตอนกินเข้าไปอะไรๆ ก็ดูง่าย แต่รู้รึเปล่าว่าการเบิร์นออกเพื่อให้รูปร่างกลับมาเหมือนเดิมนั้นยากซะยิ่งกว่าการเข็นครกขึ้นภูเขาซะอีก เหมือนกับสาวน้อยคนนี้ที่เรื่องราวการเปลี่ยนแปลงตัวเองมีความน่าสนใจมาก เธอได้นำเรื่องราวสูตรลดน้ำหนักด้วยตัวเองนี้ลงไปโพสต์ไว้ในเว็บไซต์ Pantip.com โดยถึงแม้ว่าจะมีความยากลำบากในการลดน้ำหนักขนาดไหน แต่เธอก็ยังพยายาม จนสามารถทำให้รูปร่างตัวเองกลับมาสวยใสได้ในระยะเวลาเพียง 11 เดือน ถือว่าเป็นการลดน้ำหนักที่ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก และไม่เป็นการทำร้ายตัวเองจนเกินไป ลองไปติดตามเรื่องราวของเธอกัน …

สวัสดีค่ะ คือเราออยากมาแชร์ประสบการณ์การวิธีลดความอ้วนของเราที่เชื่อว่าทุกคนต้องทำได้แน่ๆเพราะ แบบเราไม่ได้มีกฎเกณฑ์ หรือ อะไรมาก อุปกรณ์ไรก็ไม่มี ใช้ชีวิตอยู่แบบเด็กหอที่ต้องลดน้ำหนัก
คือมันเป็นไรที่จะว่าง่ายก็ง่ายนะ ว่ายากหน่อยก็ได้ 5555555 แต่มันอยู่ที่ใจล้วนๆ

และอีกอย่างที่ไม่รู้ว่าแปลกไหม เราไม่มีแรงบันดาลใจจากอะไรทั้งสิ้นเลย คนอื่นชอบถามว่าชอบใครเปล่าเลยพยายามลดบอกตรงๆ ตอนอ้วนไม่ได้ชอบใครเลย แค่วันนึงถ่ายรูปออกมาละ เห้ย!!? นี่ตัวฉันหรอ … คือมันแบบ นะ เดี๋ยวตามไปดูรูป

เล่าเรื่องวิธีลดความอ้วนตั้งแต่แรก

คือเป็นคนที่อ้วนมาแต่เด็กแล้ว อ้วนจากการกินเยอะเองนี่ละ ก็อ้วนปกติแต่ไม่ถึงขั้นมาก จนเริ่มมีจุดเปลี่ยนตอนเข้ามหาลัย

คือ อ้วนแบบมากๆ เลย ชีวิตเปลี่ยนจากอยู่บ้านไปอยู่หอ กินไรก็อร่อยไปหมด ซื้อกินตอนไหนก็ได้ น้ำหนักช่วงนั้นรู้สึกจะ 75-76 กิโล ก็ยังไม่ได้มีทีท่าจะลดหรอก ก็กินๆๆๆ ต่อไป จนมีช่วงนึงคือปี 2 กินๆๆ เยอะแบบรู้ตัวเลยว่าเยอะ กินข้าวครบทุกมื้อ ขนมก็กิน แต่ดึกก็กินอีก มื้อดึกนะ เช่น โจ๊กคัพ+ไก่ทอด2 ชิ้น+ขนมจีบ คือ รู้ว่าตัวกินเยอะนะแต่หยุดไม่ได้จริงๆ แล้วพอกลับบ้านด้วยสภาพที่อ้วนแบบนั้น เจอใครที่บ้านก็ ทักว่าอ้วนมากกๆๆ คางจะย้อยถึงบ้านละ คือแบบเห้ยย ทำตัวไม่ถูกเลย พอชั่งน้ำหนักที่บ้าน เจอตัวเลข 82.9!! เห๊ยย นี่อ้วนจนขึ้นเลข 8เลยหรอ

พอถึงวันกลับหอเลยคิดว่าจะลองลดดู …. ซึ่งก็ไม่ได้คิดจะจริง

เริ่มแรกเลยนะ น้ำหนักที่ชั่งได้คือ 82.9 กิโล

สูง 160 เซนติเมตร ความอ้วนที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือหน้าน้ำหนักปัจจุบันคือ 50 เป๊ะ กินเยอะหน่อยก็ 51-52 ระยะเวลาในการลดน้ำหนัก ประมาณ 11 เดือน ได้ แต่ด้วยความที่เราไม่ได้ทำต่อเนื่องนะ มันเลยนานมีช่วงที่แบบว่ารู้สึกลดมามากพอแล้วก็หยุด กลับมากินปกติ เลิกออกกำลังกาย เป็นแบบนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง รูปที่เห็นแล้วทำให้อยากลดก็คือ

ลดน้ําหนัก

1. งดข้าวเย็น

นั่นแหละ น่าตกใจไหม
วิธีแรกที่เราเริ่มทำเลยนะ คือ งดข้าวเย็น วันแรกที่เริ่มลดก็คือในรูปนี่ละ ซัดพิซซ่าไปแล้ว หลังจากนี้ก็รู้สึก เห้ยเราก็ทนได้นี่หว่า ไม่ได้รู้สึกหิวเลยนะ อาจจะเป็นเพราะอ้วนมาก อาหารที่กินแต่ละวันคงยังเหลือให้ใช้พลังงานได้อีกเยอะ 55555

ก็เริ่มทำมาเรื่อย ๆ จำระยะเวลาไม่ได้อะ อ๋อ แล้วพอรู้สึกว่าตัวเองจริงจังกับการลดน้ำหนักแล้ว เลยไปซื้อเครื่องช่างน้ำหนักแบบดิจิตอล เห็นกันเป็นจุดๆ ไปเลย

มันดีมาก เลยนะ เราชั่งทุกวัน จะได้เจียมตัว 5555 แล้วคราวนี้ทำมาเรื่อยจน น้ำหนักลดไป 2 กิโล !! แบบมันดีใจนะ คนไม่เคยคิดจะสนใจน้ำหนักอะ

นี่คือน้ำหนักลดแล้ว 2 โล เย้เย้ คือเหลือ 80 กิโล

ลดน้ําหนัก

2. งดข้าวเย็น เพิ่มการออกกำลังกาย

คือมันลดก็จริง แต่เห็นสภาพตัวเองละก็ยังไม่ไหว ก็ยังคงงดมื้อเย็นมาสักพัก แต่คราวนี้ไปออกกำลังกายด้วย การออกกำลังของเราคือการวิ่ง
ไม่ สิ เราไม่ถึงขั้นวิ่ง เราทำแบบเดินเร็วๆ เร็วธรรมดากับเร็วมาก สลับกัน เราไปวิ่งที่ฟิตเนสมหาลัย ความเร็วของเครื่องอยู่ที่ประมาณ 5.5-6.9 ไรแบบนี้
แล้วก็มีปั่นจักรยานบ้างนะ บ้างจริงๆ เวลารอเครื่องวิ่งตอนไปว่างก็ปั่นๆ รอ มีภาพมายืนยัน

ลดน้ําหนัก

การออกกำลังกายเราไม่ได้มีกำหนดวันนะ คือว่างวันไหนก็ไป ส่วนมากก็จะว่าง ถ้าไม่ต้องทำงาน ไม่มีสอบ ก็จะไป
การออกกำลังกายของเราอีกแบบคือ ตีแบต มันสนุกดีนะ โชคดีที่เพื่อนก็ไปตีด้วย
อ๋อ ลืมบอกตอนลดน้ำหนักนี่ เพื่อนก็เป็นส่วนสำคัญนะ คือปกติเราอยู่หอใช่ปะ ทุกวันคือกินข้าวกับเพื่อน พอถึงคราวที่เราจะลดน้ำหนัก
เรา ต้องบอกมันอย่างจริงจังเลย ว่า ไม่กินนะข้าวเย็น ร้านนมหรือไปกินขนมที่ไหนก็ห้ามชวน แรกๆ ก็ยังมีชวนบ้าง หลังๆ เราไม่ไป เพื่อนนี่เงียบหายไปเลย 555

คราวนี้พอลดมาสักพักเราก็ปรึกษาพี่สาว พี่เราก็แนะนำให้เราไปดู รายการ good shape save cost ซึ่ง มันโอเคมาก !!
จริงนะ คือเราดูแล้วเรามีกำลังใจมากเลย ก็คือจะเน้นควบคุมอาหาร มากกว่าออกกำลังกาย ซึ่งปกติเราก็ออกอยู่แล้วละ
พอ ดูรายการนี้เราก็ กินแบบคำนวณแคลอรี่เลยละ จริงจังมากๆ ถ้าจะกินตอนเย็นคือก็ต้องดูอะไรที่แคลอรี่น้อย ๆ พอช่วงนี้ก็เลยออกกำลังกายไม่ได้สม่ำเสมอ
ออกบ้างไม่ออกบ้าง บางอาทิตย์นี่หยุดไปเลย แต่ น้ำหนักก็ลดนะ ลงมาเหลือประมาณ 75-76 กิโล

วิธีลดความอ้วน

คือทุกส่วนนี่มันแน่นไปหมดจริงๆ

3. ออกกำลังกาย คุมแคลอรี่

หลังจากนั้นเราก็คุมแคลอรี่มาเรื่อยๆ ตลอดเลย ออกกำลังกายบ้าง แบบว่าอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง
แต่ถ้าอาทิตย์ไหนไม่ไปก็คือไม่ได้ไปเลยทั้งอาทิตย์นะ ถ้าจำไม่ผิด ช่วงประมาณเดือนมีนาเราหนัก 71 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มเรียนซัมเมอร์
เราลองใช้สูตรพระเทพ แบบ 7 วัน น้ำหนักก็ลดประมาณ 3 กิโลนะ จำไม่ได้ว่าทำช่วงมีนาหรือเมษา ถือว่าไม่เยอะ เพราะอ่านจากสูตรเค้าบอกลด 7-8 โล
แต่มันเป็นระยะเวลาที่ทำให้เราลงถึงเลข 6!!! แบบ 68-69 เห๊ยยย มันฟินมากกกกก ไม่รู้ว่าทำไม 55555 ดีใจที่ตัวเองพ้นจากเลข7 สักที
แล้วพอเดือนพฤษภาเราจำได้เลยหนัก 65 กิโล ..

วิธีลดความอ้วน

ลงรูปใน facebook ช่วง หนัก 65 เพื่อนเริ่มทักเยอะมากขึ้นว่าผอมลงป่าวๆ รู้สึกดีมากเลยนะ
แล้วก็กังวลเบาๆ เพราะ เดือนพฤษภาไปเที่ยวเกาหลี ญี่ปุ่น เกือบเดือนนึงเต็ม กลัวน้ำหนักขึ้นมากๆๆ
แต่ไปแต่ละที่คือกินจัดเต็มนะ รู้สึกแบบ อุตส่าห์มานี่นา … พอกลับมาไทย ชั่งน้ำหนัก ปรากฏว่า ไม่ขึ้นเลย !!!
ดีใจม้ากกกกก พอกลับมาแล้วอยู่ในจุดอิ่มตัว คือกินปกติ กินเย็นกินดึก กินบุฟเฟ่ จนวันนึงชั่งน้ำหนักแล้ว 68 !!!
เห้ย คือไร … ที่เราตั้งใจมาทำไปทำไม ? กลับมาจากเที่ยวน้ำหนักก็อุตสาห์ไม่ขึ้น มีเวลาลดทำไมไม่ตั้งใจ?
แบบวนในหัวเรามากกกกกก จำได้ว่าเริ่มลดจริงๆ จังๆ อีกครั้งช่วงกลางเดือน มิถุนา

4. ใช้สูตรอาหารลดน้ำหนัก

***คราวนี้เป็นสูตรโหดนะ***
เราลองทำเองแบบไม่ถามใครคือ
มื้อเช้า : โยเกิร์ต
เที่ยง : ไข่ต้ม 2ฟอง
เย็น : ผลไม้ (บางวันไม่กิน)

ตอน เย็นออกไปเดินเร็วๆ รอบสวนสารธารณะ (สระพังทอง) 2-3รอบ ทุกวัน!! เพราะว่าเราว่างมาก อยู่บ้านมีแต่นั่งๆ นอนๆ ออกไปขยับร่างกายซะหน่อย
ช่วงนั้นเราออกอยู่สองแบบคือ ว่ายน้ำกับวิ่งนี่ละ ไม่รู้ออกกำลังกายได้มากไหม แต่ควบคุมอาหารนี่ได้ผลสุดๆๆ
เอ่อ .. แต่เราขอเตือนนะ ช่วงที่เราทำคือเราไม่ได้ทำไรเลยแต่ละวัน แบบงานบ้านหรือทำไรก็ไม่ได้ทำ แล้ว มันเป็นช่วงปิดเทอม เราทำเราโอเค เพื่อนเราเคยลองทำแล้วมันหน้ามืด
คืออาจจะแล้วแต่คนอะ ใชวิจารณญาณแล้วกันเน่อออออ

นั่นละ พอวันที่ 20 กรกฎา เราจำได้แม่น เพราะเรากำลังจะไปค่ายกับเพื่อนๆ สาขา เราเลยพยายามเร่งลดมาก 5555 แบบอยากมีการเปลี่ยนแปลงชัดๆ
น้ำหนักอยู่ที่ 58 กิโล ……. เห้ยมันคือเลข5แล้ว ……. ดีใจอะ

พอเปิดเทอม กลางๆ เดือนสิงหาก็หนัก 58 อยู่ คือแบบ แต่งตัวเด๋อด๋าๆ มากก เพราะเสื้อผ้าเปลี่ยนใหม่หมด เย้

วิธีลดความอ้วน

เราก็กลับไปอยู่หอ ใช้ชีวิตปกติ กินข้าวอะไรก็ปกติ แต่มันยังติดนิสัยแบบตอนอยู่บ้านก็คือ กินน้อยอะ คือ ถ้ากินข้าวอิ่มแล้วคือ อิ่ม
ขนม เค้ก นม ถ้าไม่มีความอยากก็ไม่ได้กิน บางวันรู้สึกชิน กลางวันนั่งกินไข่ต้มก็มีบ้าง 555555
ทำให้น้ำหนักเราลดเองมาเหลืออยู่ที่ 55 กิโล …. มันดีอะแก (เปิดเทอมมาแรกๆไม่ได้ออกกำลังกายเลย)

สูตรลดน้ำหนัก

พอ น้ำหนัก 55 แบบคงที่แล้ว เราก็ทำการกินปกติ ออกแนวเริ่มปล่อยตัวด้วยซ้ำ ฮ่าาา ก็กินขนม กินนม กินข้าวเยอะขึ้น แต่ก็ไม่เท่าตอนอ้วนแหละ
แล้วคราว นี้อยู่ๆไปเรื่อยก็รู้สึกว่า 55 ฉันก็ยังอวบๆอยู่เลยนะ เลยพยายามลด โดยการกลับมาควบคุมการกิน แบบจริงจังขึ้น แต่คราวนี้เราไม่ใช้สูตรโหด
เพราะ เราต้องเรียนหนังสือ ทำนู๊นนี่ เราทำเป็นแบบ กินพวกก๋วยเตี๋ยว สลัดผัก เกาเหลา ผลไม้ ไข่ต้ม วนๆ อยู่แบบนี้ ถ้าต้องกินข้าวจริงๆ ก็กินกับเยอะกว่า ข้าวก็แบ่งๆ ให้เพื่อนไป
ช่วงนี้เราออกกำลังกายด้วยนะ ไปวิ่งตอนเช้า 40 นาที น่าจะอาทิตย์ละสองครั้งได้

นั่นละ … น้ำหนักเราลดเหลือ 52 !! เย้ บอกตรงๆนะมันเริ่มลดยากแล้วตั้งแต่ 55 กิโล มา

พอ หนัก 52 เราก็ยังไม่ลืมเป้าหมายของเรา เราอยากหนัก 45 !! คือรู้นะว่ามันย้ากกกยาก แต่ก็พยายามกระดึ้บๆ ให้ลดลงๆ ไปเรื่อย คราวนี้มาถึงช่วงสอบ final ก็อยากจะลดน้ำหนักไปด้วยละ แต่มันก็ต้องกินละเน้อะ ก็กินปกติ แต่ละมื้อส่วนมากแบบรีบกินรีบเสร็จจะได้ไปอ่านหนังสือ ก็ยังกินไข่ต้มอีกเช่นเคย มันอิ่มมากเลยนะ ไปลอง … ก็จะกินแบบปกติ แต่ไม่มีเวลาไปหาขนมมากินอะดิ หรือบางวันขี้เกียจออกไปข้างนอกมากๆ แบบอยากนั่งอยู่กับที่ ก็กินแค่โยเกิร์ต ผลไม้ ขนมเล่นๆ (มันไม่ดีนะ) น้ำหนักก็ลดมาถึง 50 กิโลถ้วนสมบูรณ์
คือดีใจมากกกกกกกกกก อยากลดต่อ แต่ติดตรงกลับมาบ้านนี่ละ ของกินอร่อย ไม่กิน พ่อแม่ก็ดูเป็นห่วง ฮร่าาาาาาา

ถึงเวลาต้องลงรูป after 30 กิโลที่หายไปแล้วใช่ปะ ? แต่รูปตอนก่อนลดเราเยอะกว่าตอนลดแล้วอีก ดูไหม ? ดูๆๆ เราจะลง 555555
จำไม่ได้นะช่วงไหนเท่าไร ดูสุ่มๆ ไป 55555 ปัญหาหลักสำหรับเราเลยนะ เราเป็นคนหน้าใหญ่ แก้มนี่ใหญ่มาก 555 น้ำหนักลดเท่าไรหน้าก็ยังอ้วนอยู่

สูตรลดน้ําหนัก

สูตรลดน้ําหนัก

สูตรลดน้ําหนัก

หลังจากที่น้ำหนักหายไป 32 กิโล !!! จาก 82.9 ลงมาเหลือ 50 กิโล ….. เฮ้ !!

สรุปน้ำหนักทุกวันนี้คือ 50 กินเยอะๆหน่อยก็สัก51-52 แต่วันถัดมาก็อยู่ช่วง 50 โลแหละ ..

นี่คือการเปลี่ยนแปลง เหมือนชีวิตหลังมรสุมมมมมม ฮ่าาา

สูตรลดน้ําหนัก

สุดท้ายด้วยการ selfie ที่คิดว่าหน้าจะเล็กสุดได้เท่านี้ละ แก้มก็ยังมีเช่นเดิม แต่มันคงเล็กกว่าภาพแรกเย้อะ

#### จบแล้ววววว ####
* ขอบคุณไอดีของพี่ไกด์
*รูปอาจจะสีแปลกๆ คือมันเป็นรูปแต่งไว้ลง Instagram
*ไม่ได้กินยาลดน้ำหนัก ช่วงนั้นแค่วิตามินซี หรือยาบำรุงผิวไรก็แทบไม่กิน กลัวมันจะทำให้อ้วน 5555
– เคยกินยา fulfill ของแบล๊คมอที่ว่าทำให้อิ่ม สีชมพูๆ แต่ยานี้เราว่ามันอยู่ที่ใจ มันทำให้อิ่ม แต่ถ้าใจอยากสะอย่าง เลยไม่ค่อยได้กิน, แล้วก็ยา detox สีเขียวๆ ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับลดน้ำหนักนะ เป็นแบบขับถ่ายไรงี้ กิน แค่นี้จริงๆ
*สงสัยอะไร ถามเลย
*เรามีเป้าหมายจะลดให้ได้ 45 แต่พ่อแม่ที่บ้านบอกให้พอ เราเลยขอสัก 48
*อยากให้ทุกคนสู้ คือเราลดได้ทุกคนก็ได้อะ เชื่อดิ้
*นิสัยส่วนตัวเราคือชอบกินจุกจิก ชอบน้ำอัดลม ขนม เค้ก
*การลดของเราเน้นการควบคุมอาหารนะ ออกกำลังกายเป็นรอง ทำได้ก็จะดี
*การลดน้ำหนักอยู่ที่ใจสุดๆเลย

TT^TT เพิ่มเติมนะคะ TT^TT

ขอบคุณทั้งคอมเม้น คำชม และความเป็นห่วง เราไม่ได้บอกว่าวิธีเราเป็นวิธีที่ดี แต่เราแค่อยากจะแชร์ว่าวิธีนี้เห็นผลกับเรา แล้วตอนเราลงรูปใน facebook คนจะทักแชทมาถามเยอะมาก แล้วบอกว่าเราทำให้เค้ามีกำลังใจ ที่มาโพสคืออยากให้คนที่อ้วนมากๆ มาก่อนแบบเราได้มีกำลังใจในการลดนะ ว่าเอ้อคนอย่างเราก็ลดได้เหมือนกันนะ …

สำหรับคอมเม้นที่บอกถึงว่า เราตอบแต่คนชมไม่ตอบคนติเลย คือเราเลือกตอบคนที่มีคำถามอยากจะถามเรา คนที่ติเราอ่านแล้วเราก็ไม่รู้จะตอบอะไร เพราะเราลดมาถึงขนาดนี้แล้ว เราควรทำยังไงละ ? ทุกวันนี้เรากินข้าวปกติมาสักพักแล้วนะคะ

เราขอบอกว่า วิธีนี้อาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด ถ้าจะกิน แนะนำให้กินให้ครบ สามมื้อ แต่ลดปริมาณลงนะคะ ^^

เชื่อได้ว่าเรื่องราวของสาวน้อยที่ใช้นามว่า Like a Pyramid คงจะเป็นวิธีที่ดีในการที่สาวๆ คนไหนอยากจะหันมาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น เห็นรึเปล่าว่าวิธีที่เธอทำนั้นไม่ยาก และไม่ต้องเตรียมการ หรือเตรียมความพร้อมอะไรให้มากมาย ขอแค่เรามีความอดทนที่จะผ่านมันไปให้ได้ มีความสม่ำเสมอ อย่าเพิ่งย่อท้อก่อนจะเห็นผล ไม่ใช่แค่รูปร่างดีขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่สุขภาพของเราก็จะดีตามไปด้วย ใส่ชุดไหนก็ดูสวย ถ่ายรูป Act ไหนก็ดูสดใส เดินไปทางไหนก็น่าจับตามองไปซะหมด

แคลอรี่กับความต้องการพลังงานของร่างกาย

แคลอรี่ (Calorie) ก็คือหน่วยในการวัดพลังงานที่เรามักจะเห็นได้จากฉลากที่อยู่ข้างกล่องผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ มีจุดประสงค์เพื่อไว้ปริมาณแคลอรี่ของอาหารที่เรารับประทานเข้าไป เนื่องจากว่าร่างกายของเราต้องการพลังงาน โดยสารอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกาย ได้แก่

  • คาร์โบไฮเดรต จะให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ต่อกรัม เท่ากับโปรตีน
  • โปรตีน จะให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ต่อกรัม
  • ไขมัน จะให้พลังงานสูงสุด คือ 9 กิโลแคลอรี่ต่อกรัม (ให้พลังงานเป็นสองเท่าของโปรตีน หรือคาร์โบไฮเดรต)

สำหรับร่างกายของเรานั้น โดยปกติปริมาณของแคลอรี่ที่ควรบริโภคต่อวันสำหรับผู้ที่ทำงานหนักปานกลาง คือ ประมาณ 2,000 กิโลแคลอรี่ แต่สำหรับผู้ที่ต้องทำงานหนัก หรืออาจต้องใช้พลังงานมาก อย่าง กรรมกร หรือนักกีฬา ต่างก็ต้องการพลังงานที่เพิ่มมากขึ้นกว่านี้ หากต้องการลดน้ําหนักจะต้องเข้าใจถึงเรื่องพลังงานในอาหาร ส่วนผู้ที่ทำงานเบากว่าคนปกติทั่วไปก็ต้องพลังงานในส่วนที่น้อย วิธีลดความอ้วนบางคนอาจเหมาะกับการนับแคลอรี่ การบริโภคอาหารในแต่ละมื้อสำหรับคนทั่วไปก็ไม่ควรเกิน 600 กิโลแคลอรี่ มักจะเป็นอาหารจานเดียว อย่าง ข้าวผัด และก๋วยเตี๋ยว ซึ่งจะให้ปริมาณพลังงานประมาณ 300 – 500 กิโลแคลอรี่ ซึ่งตามคำแนะนของ Thai Recommended Daily Intakes (Thai RDI) ได้ระบุปริมาณของสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับคนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปที่มีความต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่ อาจจำแนกเป็นปริมาณความต้องการของสารอาหารต่างๆ ได้แก่ …

  • คาโบไฮเดรต คิดเป็น 60% หรือประมาณ 1,200 กิโลแคลอรี่ หรือเท่ากับปริมาณที่ควรบริโภคต่อวันเท่ากับ 300 กรัมต่อวัน
  • โปรตีน คิดเป็น 10% หรือประมาณ 200 กิโลแคลอรี่ หรือเท่ากับปริมารที่ควรบริโภคต่อวันเท่ากับ 50 กรัมต่อวัน
  • ไขมัน คิดเป็น 30% หรือประมาณ 30% หรือเท่ากับปริมาณที่ควรบริโภคต่อวันเท่ากับ 66.6 กรัมต่อวัน

แต่หากคนไหนที่ต้องการพลังงานมากกว่า หรือน้อยกว่าที่กล่าวไปข้างต้นนี้ แนะนำให้ทำการปรับเพิ่ม หรือลดลงตามสัดส่วนของพลังงานทั้งหมดที่ต้องการต่อวัน สูตรลดน้ําหนักด้วยการทานพลังงานจากอาหารให้เพียงพอไม่เกินพอดีนี้ ร่างกายของเราจะใช้พลังงานที่ได้รับเข้าไปช่วยเสริมระบบต่างๆ ภายในร่างกายสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ภายในร่างกายสามารถกักเก็บพลังงานส่วนเกินไว้ในรูปของไขมันและแหล่งพลังงานอื่นๆ ตามอวัยวะภายในร่างกายไว้สำหรับใช้ในอนาคตอีกด้วย

7 ขั้นตอน “ลดน้ำหนัก” สาวออฟฟิศผอมลง 8 กก. ภายใน 3 เดือน

7 ขั้นตอน "ลดน้ำหนัก" สาวออฟฟิศผอมลง 8 กก. ภายใน 3 เดือน

สาวๆ ออฟฟิศที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจนใกล้คำว่า ‘อวบระยะสุดท้าย’ แม้ไม่ได้อ้วนเผละมากมาย แต่ก็มีความกังวลเกี่ยวกับหน้าท้องยื่น พุงใหญ่ ขาใหญ่ มีเซลลูไลต์ ไม่เฟิร์มกระชับเหมือนสาวแรกรุ่น อยากกลับไปมีหุ่นกลับมาเพรียวกระชับสวยเป๊ะ ทำยังไงดี?…(5 เมนู “อาหารลดความอ้วน” จาก “เมล็ดเจีย” )

ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ ไปเจอวิธีลดน้ำหนักที่น่าสนใจในโลกโซเชียล ซึ่งมีชาวเน็ตแชร์กันเยอะ เป็นวิธีและขั้นตอนการลดความอ้วนของคุณไปร์ท ผู้หญิงทำงานออฟฟิศคนหนึ่งวัย 30+ แต่เธอมีหุ่นเฟิร์มสวยเป๊ะยิ่งกว่าสาววัย 20 ต้นๆ ซะอีก

เธอบอกว่า ไม่ได้เป็นคนอ้วนมากระดับร้อยโล น้ำหนักเคยพุ่งมากที่สุดอยู่ที่ 60 กก. แต่ก็มีปัญหารูปร่างอวบ ย้วย ไม่กระชับ จึงหาทางลดน้ำหนัก ซึ่งเธอเคยพยายามลดน้ำหนักหลายรูปแบบ ทั้งอดอาหาร กินยาถ่ายวันละเกือบ 10 เม็ด จนมีอาการป่วย ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล

หลังจากนั้น น้ำหนักตัวก็สวิงมาก อ้วนๆ ผอมๆ สลับไปมา รูปร่างเผละ ไม่กระชับ หน้าตาไม่สดใส ดูโทรม และน้ำหนักก็ไม่ลดลงได้เยอะอย่างที่หวัง เธอเลยเปลี่ยนวิธีลดน้ำหนักแบบใหม่ เป็นวิธีที่ทำให้ผอมหุ่นดีแบบยั่งยืนและมีสุขภาพแข็งแรง แถมยังสามารถลดน้ำหนักได้เพิ่มอีก 8 กก. (จาก 55 กก. เหลือ 47 กก.) ภายใน 3 เดือน

อยากรู้แล้วละสิ…ว่าเธอลดนำ้หนักยังไง? ต้องกินอะไร? ออกกำลังกายแบบไหน? ไปหาคำตอบพร้อมกันเลย…

1. ตั้งเป้าหมาย ผอมแบบสุขภาพดี

หลายคนอาจจะตั้งเป้าหมายให้ตัวเลขน้ำหนักลดลงอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้ว นอกจากตั้งเป้าหมายให้ผอม หุ่นดี น้ำหนักลดลงแล้ว ก็ควรเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ ให้มาเป็น Healthy lifestyle เพื่อที่จะได้ผอมสวยแบบสุขภาพดี ยั่งยืน ไม่โยโย่ งดการลดน้ำหนักแบบผิดๆ ที่เคยทำมาก่อน เช่น การอดอาหาร

ไปร์ทบอกว่าช่วงที่ลดน้ำหนักแรกๆ เธอใช้วิธีการอดข้าวได้เป็นสัปดาห์ๆ กินแต่น้ำ เพื่อลดน้ำหนัก รวมทั้งกินยาถ่ายทุกวัน วันละ 10 เม็ด วนเวียนอยู่แบบนี้ จนอายุล่วงเลยมาถึง 36 ปี รู้สึกไม่ค่อยมีแรง หน้าโทรม ไม่มีชีวิตชีวา ไม่สดใส รูปร่างเผละ น้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ หน้าท้องบวมตลอด (มารู้ตอนหลังว่า นี่คือระบบเผาผลาญพัง)

เธอไปหารูปนางแบบหุ่นสวยมาเป็นแรงบันดาลใจตั้งเป้าหมายว่าจะต้องมีหุ่นแบบนี้ภายใน 6 เดือน แต่พอลองลดน้ำหนักตามวิธีนี้แล้ว ปรากฏว่าผ่านไปแค่ 3 เดือน เธอก็เริ่มเห็นผลที่ดีขึ้นทั้งในส่วนของสุขภาพและรูปร่าง

2. ปรับเปลี่ยนเวลานอน เวลาตื่น

เชื่อว่าสาวๆ หลายคนมีอาการแบบนี้ คือ ตอนเช้าไม่อยากตื่นไปทำงาน มักจะรู้สึกว่า ลางานดีไหม? ไม่อยากไปทำงานเลย พอเลิกงานตอนเย็นถึงบ้านดึก กินข้าวแล้วนั่งเล่นเน็ตจนเที่ยงคืน เลยเที่ยงคืนไปก็มี กว่าจะนอนได้ พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ร่างกายพัง ไม่สดชื่น

ควรปรับนาฬิกาชีวิตใหม่ ทั้งเวลานอนและเวลาตื่น คือ จากเดิมเคยตื่น 8 โมงเช้า (ทำงาน 9 โมงเช้า) เปลี่ยนเป็นตื่น 6 โมงเช้า หลังจากตื่นจะดื่มน้ำ 1 แก้วใหญ่ ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารเช้า ส่วนตอนเย็นพอกลับมาถึงบ้าน ให้ออกกำลังกาย และควรเข้านอนเวลา 23.00 น. หรือไม่ควรเกินเที่ยงคืน

3. เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน

เข้าใจดีว่าการเป็นสาวออฟฟิศ ต้องนั่งทำงานหน้าจอวันละหลายชั่วโมง ไม่ค่อยมีเวลาเลือกกินอาหารมีประโยชน์ ส่วนใหญ่เลยมักจะกินข้าวแกงง่ายๆ ตามด้วยขนมถุง หนังไก่ทอด กล้วยทอด กินน้ำหวาน กาแฟ ชานม ชาไข่มุก ไม่ค่อยดื่มน้ำเปล่า กินผักผลไม้น้อย ควรปรับเปลี่ยนมาใส่ใจเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ งดของทอด งดของหวาน งดของมันๆ

4. คำนวณแคลอรี

หัดคำนวณพลังงานที่ใช้ต่อวันในภาวะร่างกายปกติ ช่วงที่ลดน้ำหนัก ให้กินอาหารให้พลังงานอยู่ระหว่าง 1,300-1,500 กิโลแคลอรี ต่อมาในช่วงการรักษารูปร่าง ให้กินอยู่ที่ 1,500-1,600 กิโลแคลอรี

5. นำ้เปล่าสำคัญมาก ดื่มเยอะๆ 

ควรดื่มน้ำเยอะๆ ช่วยได้มากเรื่องการเผาผลาญ และเรื่องผิวพรรณ และในการลดนำ้หนักช่วง 2 เดือนแรก ไม่ควรมีมื้อพิเศษ (Cheat Day) ถ้ามีแล้วเดี๋ยวตบะแตก อดไม่ได้ กลายเป็นว่าที่ทำมาทั้งหมดอาจพังไม่เป็นท่า อีกอย่างคือ ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ เช่น ออกงานสังคมก็ให้ดื่มได้บ้าง นานๆ ที

6. ควบคุมอาหาร 80% 

ในส่วนของการเลือกอาหารการกิน ถ้ายังไม่เห็นภาพ ลองทำตามวิธีของสาวคนนี้ดู เธอหันมาทำอาหารกินเอง เพราะควบคุมแคลอรีได้ง่ายกว่า และสามารถเลือกวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพได้ด้วย อาจจะไม่ใช่อาหารคลีน 100% แต่กินแล้วไม่อ้วน วิธีปรับเปลี่ยนวิธีกินของเธอมีดังนี้

– ใช้น้ำมันสเปรย์ แทนน้ำมันจากขวด
– ใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาล
– งดของทอด/ของหวาน
– ลดอาหารเค็ม เพราะทำให้ตัวบวมน้ำ 
– นับแคลอรีอาหารที่กินในแต่ละวัน 
– ห้ามอดอาหารเด็ดขาด เพราะมีโอกาสโยโย่สูงมาก
– เลือกทานแป้งไม่ขัดสี
– เลือกทานไขมันดีจาก อัลมอนด์ อะโวคาโด เนยถั่ว ปลาแซลมอน
– เปลี่ยนมากินอเมริกาโน่เย็น ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่ครีม
– กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ อย่าลืมผัก-ผลไม้

7. ออกกำลังกาย 20%

หลังจากตื่นนอนตอนเช้า 6 โมงเช้า ให้ออกกำลังกาย โดยเล่น AB หน้าท้องเป็นหลัก ประมาณ 15 นาที ส่วนตอนเย็น หลังเลิกงาน อย่าเพิ่งทานข้าว ให้ออกกำลังกายก่อนเลย 30-45 นาที เน้นช่วงขาและแขนเป็นหลัก รวมๆ ก็สัปดาห์ละ 5-6 วัน

มีอุปกรณ์ คือ ดัมบ์เบล 1 อัน ซึ่งใช้สำหรับออกกำลังกายตามคลิปต่างๆ ในโซเชียล เน้นบอดี้เวต ไม่เน้นคาร์ดิโอ แต่สำหรับคนที่น้ำหนักเยอะมากๆ แนะนำให้ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ กับบอดี้เวตควบคู่กันไป ผิวหนังจะได้ไม่ย้วย

วิธีและขั้นตอนการลดความอ้วนทั้งหมดนี้ เอาเป็นว่ามันอาจจะไม่ง่าย แต่ก็คงไม่ยากเกินไปสำหรับสาวๆ ที่อยากกลับมามีหุ่นสวย เพรียว รูปร่างกระชับ ใช่มั้ยล่ะคะ?

7 ขั้นตอน “ลดน้ำหนัก” สาวออฟฟิศผอมลง 8 กก. ภายใน 3 เดือน

การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ

12 เมนูอาหารลดน้ำหนักง่าย ๆ แคลอรีต่ำอิ่มครบทั้งสามมื้อ

อาหารลดน้ำหนัก

สืบเนื่องจากรู้สึกว่าตัวเองอ้วนขึ้นเลยอยากทำอาหารลดน้ำหนักกินเอง เพราะถ้าไปซื้อคงไม่อร่อยถูกปาก กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำอาหารลดน้ำหนักง่าย ๆ สูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 3388535 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มีทั้งอาหารลดน้ำหนักมื้อเช้า มื้อเที่ยง และมื้อเย็น เช่น แซนด์วิชโฮลวีตอกไก่สับ แซนด์วิชสันในหมูสับ อกไก่ผัดกะปิ ผัดผักรวมใส่อกไก่ น้ำพริกปลาทู เป็นต้น รับรองอาหารอร่อยทุกเมนู และผอมลงอีกด้วย

หลายคนบอกว่าอาหารโซเดียมต่ำทำยาก วัตถุดิบแพง วันนี้มิ้นต์เอาเมนูที่ทำกินทุก ๆ วันมาแนะนำกัน เมนูง่าย ๆ ทำกินได้เรื่อย ๆ ค่ะ เริ่มเลยนะ

1. แซนด์วิชโฮลวีต+อกไก่สับไม่ใส่น้ำมัน+ไข่ดาวไม่ใส่น้ำมัน

อาหารลดน้ำหนัก

ส่วนผสม แซนด์วิชอกไก่สับไข่ดาวไม่น้ำมัน

  • ขนมปังโฮลวีต
  • ไข่ดาว (ไม่ใส่น้ำมัน)
  • อกไก่สับรวน (ไม่ใส่น้ำมัน)
  • พริกไทย
  • ผักสลัดต่าง ๆ
     

วิธีทำแซนด์วิชอกไก่สับไข่ดาวไม่น้ำมัน

     1. ทำอกไก่สับรวนในกระทะไม่น้ำมัน ใส่พริกไทยนิดหนึ่ง
     2. นำขนมปังมาประกบส่วนผสมทุกอย่าง วางมั่ว ๆ ไป ห่อพลาสติกคลุมอาหารเสร็จแล้วตัดครึ่งเลย

2. ปลาซาบะทอด+ต้มยำกุ้ง+แกงจืด

อาหารลดน้ำหนัก
อาหารลดน้ำหนัก

ส่วนผสม ปลาซาบะทอด

  • ปลาซาบะ
  • ผักเคียงตามชอบ
     

ส่วนผสม ต้มยำกุ้ง

  • เครื่องต้มยำ
  • น้ำตาลมะพร้าว
  • มะนาว
  • น้ำปลาสูตรลดโซเดียม
  • เห็ดเข็มทอง
     

ส่วนผสม แกงจืดผักกาดขาวหมูสับ

  • ผักกาดขาว
  • สันในหมูสับ
  • กระเทียม
  • พริกไทย
  • รากผักชี
  • ซีอิ๊วขาวสูตรลดโซเดียม
  • เกลือสีชมพู
     

วิธีทำปลาซาบะทอด+ต้มยำกุ้ง+แกงจืด

     1. ปลาซาบะจากบิ๊กซี เอามาทอดด้วยหม้ออบลมร้อน แล้วก็มีผักเคียง
     2. ทำต้มยำกุ้งไว้ซดน้ำร้อน ๆ ด้วยจ้า ใส่เครื่องต้มยำ เติมน้ำตาลมะพร้าวตัดนิดเดียว ปรุงรสด้วยมะนาวกับน้ำปลา Good life ใส่เห็ดเข็มทองด้วย
     3. ทำแกงจืดผักกาดขาวหมูสับ ใช้สันในหมูสับ ตำกระเทียม พริกไทย และรากผักชี ตั้งน้ำใส่ลงไปรอเดือด ใส่หมูสับลงไป รอเดือด เติมซีอิ๊วขาว Good life เกลือชมพูนิด ใส่ผัก เสร็จจ้า

3. อกไก่ผัดกะปิ

อาหารลดน้ำหนัก

ส่วนผสม อกไก่ผัดกะปิ

  • อกไก่หั่นชิ้น
  • พริกซอย
  • กระเทียมสับหยาบ
  • หอมเเดงซอย
  • ใบมะกรูด
  • ดอกกะหล่ำนิดหนึ่ง (หรือผักอะไรก็ได้)
  • กะปิใต้
  • น้ำตาลมะพร้าว
  • น้ำปลาสูตรลดโซเดียม (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
  • น้ำมันมะพร้าว
  • น้ำเปล่า
  • ใบมะกรูด
  • ไข่ต้มแบบไม่สุก
  • ผักเคียง ได้แก่ แตงกวา ถั่วฝักยาวนึ่ง ฟักทองนึ่ง
     

วิธีทำอกไก่ผัดกะปิ

     1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันมะพร้าว ประมาณ 3 หยด
     2. ใส่กระเทียม หอมแดง และพริก ผัดให้ตีขึ้นจมูกแล้วก็ใส่อกไก่ลงไปผัดต่อจนสุก
     3. เติมกะปิลงไปนิดหน่อย ผัดแล้วเติมน้ำเปล่า ใส่น้ำตาลมะพร้าวตัดไปให้กลมกล่อม จะเติมน้ำปลาโซเดียมต่ำลงไปด้วยก็ได้ถ้ายังไม่ชินรสจืด แต่ถ้ากินได้หมดก็ไม่ต้องเติมน้ำปลาแล้วจ้า เพราะกะปิมีความเค็มในตัวอยู่แล้วนิดหน่อย
     4. พอผัดได้ที่ตบท้ายด้วยใบมะกรูด เป็นอันเสร็จจ้า พร็อพวันนี้ แตงกวา ถั่วฝักยาวนึ่ง ไข่ต้มแบบไม่สุก และฟักทองนึ่ง แค่นี้ว่าอิ่มแล้ว แต่ยังมีตบท้ายด้วยน้ำเต้าหู้จากเซเว่นน้ำตาล 0% จ้า กินบ่อยพอสมควร ขวดกะทัดรัด อิ่มคูณ 2 ตัดกำลังสุด

4. ผัดกะเพราอกไก่

อาหารลดน้ำหนัก

ส่วนผสม ผัดกะเพราอกไก่

  • อกไก่
  • ถั่วลันเตา แครอต ข้าวโพด แบบแช่แข็ง
  • กระเทียม
  • พริก
  • พริกไทย
  • ซีอิ๊วดำ
  • ซีอิ๊วขาวสูตรลดโซเดียม
  • น้ำตาลมะพร้าว
  • ใบกะเพรา
  • ไข่ต้ม  
  • ผักเคียง ได้แก่ หน่อไม้ฝรั่งนึ่ง แตงกวา ฟักทองนึ่ง

วิธีทำผัดกะเพราอกไก่

     1. หากข้าวกล้องหมด จัดข้าวขาวจ้า โรยงานิดหนึ่ง
     2. ทำผัดกะเพราอกไก่ โดยใส่กระเทียม พริก พริกไทย ผัดกับอกไก่ แล้วก็ใส่ถั่วลันเตา แครอต ข้าวโพด อันนี้ซื้อแบบฟรีซมาใช้ได้นานจ้า เอาออกมาใส่ทีละหน่อย ปรุงด้วยซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว Good life มีตัดน้ำตาลมะพร้าวนิดเดียวจ้า เครื่องเคียงวันนี้มีหน่อไม้ฝรั่งนึ่ง ไข่ต้ม แตงกวา และฟักทองนิดหน่อยจ้า อิ่มเกินจะเยียวยา

5. ผัดผักรวมใส่อกไก่+ไข่คนไม่ใส่น้ำมัน

อาหารลดน้ำหนัก

ส่วนผสม ผัดผักรวมอกไก่

  • น้ำตาลมะพร้าวนิดเดียว
  • ซีอิ๊วขาวสูตรลดโซเดียม
  • ไข่ไก่
  • ฟักทองนึ่ง
  • มันม่วงนึ่ง

วิธีทำผัดผักรวมอกไก่

     1. ผัดผักรวมใส่อกไก่เสร็จแล้ว ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าวนิดเดียวมาก ๆ ซีอิ๊วขาว Good Life
     2. ทำไข่คน โดยรวนไข่ในกระทะไม่ใส่น้ำมัน พร็อพวันนี้ มีฟักทองกับมันม่วงค่ะ เคลียร์ตู้เย็น ทำเสร็จลุกมาจัดจานตลอดเวลา องค์ประกอบของการจัดจานจะทำให้อาหารของเราดูน่ากิน และอยากทำมันอีก จริง ๆ มื้ออาหารหลักสิบด้วยซ้ำจ้า

6. แซนด์วิชสันในหมูสับ

อาหารลดน้ำหนัก

ส่วนผสม แซนด์วิชสันในหมูสับ

  • ขนมปังแผ่น
  • สันในหมูสับ
  • ผักสลัด
  • ไข่ดาว
  • น้ำสลัด

วิธีทำแซนด์วิชสันในหมูสับ

      ​​​​► ทำสันในหมูสับรวนในกระทะเสร็จแล้วก็จับประกบกับขนมปังแซนด์วิช ใส่ผักสลัด ไข่ดาวไม่น้ำมัน ใส่น้ำสลัดคิวพีนิดหนึ่ง กินไม่หมดแล้วเยอะมากจ้า วันนี้มีน้ำนมถั่วเหลืองจากดอยคำด้วยจ้า อร่อยอันนี้ ผสมวุ้นมะพร้าวด้วย

7. น้ำพริกปลาทู+ปลาทูทอด+ผักเคียง

อาหารลดน้ำหนัก

ส่วนผสม น้ำพริกปลาทู

  • ปลาทู 1 ตัว
  • พริก
  • กระเทียม
  • หอมแดง
  • มะนาว
  • น้ำต้มสุก
  • น้ำปลาสูตรลดโซเดียม
  • ผักเคียง ได้แก่ ฟักทองนึ่ง กระเจี๊ยบลวก ดอกกะหล่ำนึ่ง ถั่วฝักยาวนึ่ง แตงกวา เบบี้กวางตุ้งนึ่ง

ส่วนผสม ปลาทูทอด

  • ปลาทู 1 ตัว

วิธีทำน้ำพริกปลาทู+ปลาทูทอด+ผักเคียง

     1. ทำน้ำพริกปลาทู โดยเอาปลาทูไปทอดในหม้อทอดลมร้อน แกะเอาแต่เนื้อ เอาพริก กระเทียม และหอมแดง เอาไปคั่วในกระทะให้เกรียม เสร็จแล้วตำรวมกันหมดเลย เติมมะนาว น้ำต้มสุก ใส่น้ำปลา Good Life นิดหน่อย
     2. ทำปลาทูทอดด้วยหม้ออบลมร้อนเคียงอีก 1 ตัว เท่ากับว่าจัดไป 2 ตัวแล้วจ้า ผักเคียงมีฟักทอง กระเจี๊ยบลวก ดอกกะหล่ำนึ่ง ถั่วฝักยาวนึ่ง แตงกวา เบบี้กวางตุ้งนึ่ง กิน ๆ เข้าไป ผักเยอะ ๆ

8. อกไก่ทอดไข่ดาว

อาหารลดน้ำหนัก

ส่วนผสม อกไก่ทอด

  • อกไก่
  • กระเทียม
  • พริกไทยดำ
  • รากผักชี  
  • ซีอิ๊วขาวสูตรลดโซเดียม
  • ไข่ดาว
  • ผักลวก

วิธีทำอกไก่ทอด

     1. ทำอกไก่ทอด หมักกระเทียม พริกไทยดำ รากผักชี  ซีอิ๊วขาว Good Life ทอดด้วยหม้ออบลมร้อนที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาที
     2. เสิร์ฟกับผักลวก และไข่ดาว วันนี้มีนมอัลมอนด์น้ำตาล 1 กรัม อันนี้ก็ดีจ้า

9. ข้าวผัดทูน่าน้ำเเร่+แกงจืดไข่เจียว

อาหารลดน้ำหนัก

ส่วนผสม ข้าวผัดทูน่าน้ำเเร่

  • ทูน่าในน้ำแร่
  • กระเทียม
  • ผัก 3 อย่าง
  • ซีอิ๊วขาว
  • น้ำตาลมะพร้าว
  • โรยผักชี
  • พริกไทย
  • มะนาว 1 กลีบ
  • ผักเคียง
     

ส่วนผสม แกงจืดไข่เจียว

  • ไข่ไก่
  • น้ำเปล่า
  • รากผักชี
  • พริกไทยทุบ
  • ซีอิ๊วขาวสูตรลดโซเดียม
     

วิธีทำข้าวผัดทูน่าน้ำเเร่ กับแกงจืดไข่เจียว

     1. ใส่กระเทียม ทูน่า ผัก 3 อย่าง ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลมะพร้าวนิดหนึ่ง จัดใส่ภาชนะ โรยผักชี พริกไทย แต่งด้วยมะนาว 1 กลีบ
     2. พร็อพเป็นเเกงจืดไข่เจียว ทำไข่เจียวไม่ใส่น้ำมันเสร็จแล้วหั่นชิ้น เตรียมไว้
     3. ใส่น้ำลงในหม้อ ใส่รากผักชี พริกไทยทุบ ใส่ไข่หั่นเป็นชิ้นพอคำ ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว Good Life เสิร์ฟกับผักลวก เสร็จค่ะ ง่าย ๆ

10. ไข่เจียวไม่ใส่น้ำมันกับผักสามอย่าง

อาหารลดน้ำหนัก

ส่วนผสม ไข่เจียวกับผักสามอย่าง

  • ไข่ไก่
  • ผัก 3 อย่าง ได้แก่ เเครอต ถั่วลันเตา ข้าวโพด
  • ซีอิ๊วขาวสูตรลดโซเดียม
  • ฟักทองนึ่งโรยงา
  • บรอกโคลี
  • ไก่นึ่งฉีก
  • ถั่วคั่ว
     

วิธีทำไข่เจียวใส่ผักสามอย่าง

     1. ทำไข่เจียวโดยตีผสมไข่กับผัก 3 อย่าง ได้แก่ เเครอต ถั่วลันเตา ข้าวโพด ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว Good Life นิดเดียว
     2. เสิร์ฟกับฟักทองนึ่งโรยงา บรอกโคลี ไก่นึ่งแล้วเอามาฉีก ตบท้ายด้วยถั่วคั่วเอง 1 กำมือ กินเบอร์หลังสุด อิ่มดีมากค่ะ ทำง่ายด้วย

11. ผัดหน่อไม้ฝรั่งใส่อกไก่

อาหารลดน้ำหนัก

ส่วนผสม ผัดหน่อไม้ฝรั่งใส่อกไก่

  • ผัดหน่อไม้ฝรั่ง
  • อกไก่
  • กระเทียม
  • พริก 1 เม็ด
  • น้ำมันหอยสูตรลดโซเดียม
  • น้ำตาลมะพร้าว
  • น้ำเปล่า
  • ไข่ต้มโรยงา
  • ฟักทองนึ่ง
  • ผักสด
  • ข้าวโพดนึ่ง
     

วิธีทำผัดหน่อไม้ฝรั่งใส่อกไก่

     1. ใส่กระเทียมกับพริก ผัดกับอกไก่ ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย Good Life ตัดนิดเดียวกับน้ำตาลมะพร้าวตัดหยิบเล็ก ๆ เติมน้ำเปล่า
     2. เสิร์ฟพร้อมไข่ต้มโรยงา ฟักทองนึ่ง และผักสด ข้าววันนี้ ไรซ์เบอร์รีหมดติดค้างหม้อนิดเดียวเลยผสมข้าวหอมมะลินิดหนึ่ง
     3. โรยข้าวโพดนึ่ง อิ่มท้องได้อีก 1 มื้อค่ะ ทำง่ายนิดเดียว

12. ผักสลัดแซลมอนย่าง ไข่ดาวไร้น้ำมัน และข้าวโพดนึ่ง

อาหารลดน้ำหนัก

ส่วนผสม ผักสลัดแซลมอนย่าง ไข่ดาวไร้น้ำมัน และข้าวโพดนึ่ง

  • ผักสลัด
  • ไข่ดาวไร้น้ำมัน
  • ข้าวโพดนึ่ง
  • แซลมอนย่างบดเล็กน้อย
  • น้ำสลัด

วิธีทำผักสลัดแซลมอนย่าง ไข่ดาวไร้น้ำมัน และข้าวโพดนึ่ง

(อันนี้เราทำเป็นมื้อเช้าค่ะ) ใส่ผักสลัดลงในภาชนะ โปะไข่ดาวไร้น้ำมัน ข้าวโพดนึ่ง แซลมอนย่างบดเล็กน้อย ราดน้ำสลัดคิวพีนิดเดียว เสิร์ฟพร้อมนมถั่วเหลืองของดอยคำ มีน้ำตาลอ้อยธรรมชาติ 3% ส้มอีก 2-3 ลูก อยู่ท้อง

คร่าว ๆ ประมาณนี้นะคะ เผื่อใครลองเอาไปทำ เผื่อเป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อยจ้า หัวใจหลักสำคัญเวลาลดน้ำหนักคือกินให้ครบ 3 มื้อนะคะ แบ่งมื้อหนักมื้อเบาให้ถูก กินผักเยอะ ๆ เนื้อสัตว์ควรมี กินให้ครบ กินให้ถึง ออกกำลังกายด้วยนะคะ งดของทอดงดของมันจะดีเลยจ้า เลือกกินให้ถูกได้สุขภาพด้วยจ้า มิ้นต์ทำอาหารเเชร์ทุกวันในอินสตาแกรม weedzii_mint เผื่อใครจะไปแชร์กัน

แอบรู้สึกว่ากางเกงตัวโปรดเอวคับขึ้น ดังนั้นขอเริ่มทำเป็นอาหารเช้าก่อนเลยดีกว่า ขอกินเบา ๆ อย่างเมนูแซนด์วิชอกไก่ก่อน ส่วนมื้อเที่ยงและมื้อเย็นค่อยมาจิ้มสูตรที่ชอบอีกทีจ้า

12 เมนูอาหารลดน้ำหนักง่าย ๆ แคลอรีต่ำอิ่มครบทั้งสามมื้อ

อาหารเพื่อสุขภาพ

อาหารเพื่อสุขภาพ ปี 2019 ที่น่าจับตามอง

ยุคสมัยเปลี่ยนไป คนเราไม่ได้มองหาอาหารเพียงเพราะเป็นปัจจัยสี่อีกต่อไปแล้ว เพราะการเลือกรับประทานอาหารสะท้อนไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคด้วย จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่จะมี ‘ฟู้ดเทรนด์’ ออกมาในแต่ละปี ต้องบอกเลยว่าเทรนด์ปี 2019 นี้อาหารที่มาแรงก็ยังต้องยกให้อาหารเพื่อสุขภาพ เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มหันมาทานอาหารเพื่อสุขภาพเป็นหลัก หรือการกินเพื่อสุขภาพนั่นเอง ปีนี้อะไรมาแรงบ้างตามไปดูกันเลย

จับตา Clean Label จะมาแทนที่ “Natural label”

อาหารที่ผลิตจากธรรมชาติเริ่มไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคอีกต่อไป เพราะผู้บริโภคยุคใหม่ฉลาดเลือก ฉลาดซื้อมากขึ้น เทรนด์ความนิยมสินค้าที่ติดฉลากเป็น Clean Label จึงมาแรง เพราะสินค้าประเภทนี้ต้องระบุถึงส่วนผสมในผลิตภัณฑ์นั้น จะบอกแค่ว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องบอกส่วนผสมอย่างครบถ้วนว่าปราศจากสารสังเคราะห์ สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล สีและกลิ่นสังเคราะห์ รวมไปถึง ผ่านกระบวนการแปรรูปน้อย ใช้ส่วนผสมเรียบง่ายจากธรรมชาติ ซึ่งอาหารเพื่อสุขภาพบางประเภทจะถึงขั้นระบุแหล่งที่มาและกระบวนการผลิตเลยทีเดียว เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาอาหารเพื่อสุขภาพอย่างจริงใจ

เทรนด์ Plant Based Food กำลังมา

เพราะจำนวนผู้บริโภค Vegan มากขึ้น นิยามของ Plant Based Food คือ การรับประทานอาหารพืชเป็นหลักในรูปแบบใกล้เคียงธรรมชาติ เป็นการทานอาหารเพื่อสุขภาพอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นที่นิยมในหลายประเทศทั่วโลก ผลิตภัณฑ์อาหารที่มาแรงตามเทรนด์นี้ มักมีส่วนประกอบหลักเป็นผลไม้ ผัก ธัญพืช ถั่ว สมุนไพร และสารสกัดจากพืช ซึ่งตอบสนองความเชื่อของผู้บริโภคว่าผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มจากพืชจะสามารถสร้างเสริมให้เกิดผลดีต่อสุขภาพ ในปี 2019 คนจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ระบุคุณค่าทางอาหารแบบเฉพาะเจาะจงไปมากกว่าแค่คำว่า “vegan” และต่อไปจะมีการเปรียบเทียบคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์เพื่อซื้อมาทดลองทาน ถ้าอร่อยก็กินต่อแต่ถ้าไม่ก็มองหาผลิตภัณฑ์อื่นๆ

อาหารพิเศษสำหรับคนพิเศษ

คนพิเศษในที่นี้หมายถึง การผลิตอาหารที่ตอบโจทย์ตามความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน เช่นเทรนด์ Personalized Diet หมายถึง อาหารเพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่กำลังลดความอ้วน อย่างอาหารที่มีปริมาณแป้งและน้ำตาลน้อย เพิ่มโปรตีน ไขมันดี หรือผลิตจากผักผลไม้ เป็นต้น ส่วนเทรนด์ Personalized Nutrition ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากคนทั่วโลก เนื่องจากยอดจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตอันเนื่องมาจากโรคในกลุ่มไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ทำให้เกิดการตื่นตัวกับการดูแลวิถีการกินของตัวเองมากขึ้น และผู้ผลิตต่างขยายไลน์การผลิตมาผลิต “สมาร์ทฟู้ด” เพื่อตอบสนองผู้ป่วยสูงอายุมากขึ้น

Evergreen Consumption 

รักตัวเองอย่างเดียวไม่พอ ผู้บริโภคยุคนี้ต้องรักษ์โลกด้วย จะตัดสินใจเลือกทานอาหารทั้งทีต้องรู้ถึงกระบวนการผลิตตั้งแต่ฟาร์มจนไปถึงร้านขายของขำ เพื่อแน่ใจว่ามีใช้สารพิษน้อยที่สุด การผลิตส่งผลกับทรัพยากรทางธรรมชาติหรือไม่ อย่างกระบวนการผลิตที่เลือกเหมาซื้อผัก ผลไม้ แล้วคัดเอาแต่ ผัก ผลไม้ ที่สวย ที่ไม่สวยก็คัดทิ้ง ซึ่งก่อให้เกิดขยะมากเกินจำเป็น ทำให้ผู้บริโภคเลือกที่จะไม่ซื้อแม้จะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพแค่ไหน รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่เลือกใช้ต้องใส่ใจสุขภาพด้วย