เมนู กราโนล่าโยเกิร์ตกับโฮลวีทปิ้ง

เมนูวันนี้ง่ายแสนง่ายมากๆและใช้วัสดุดิบค่อนข้างน้อยไม่ยุ่งยากแถมอร่อยด้วยงันวันนี้เรามาดูกันดีกว่า

วิธีทำ
1.เทโยเกิร์ตใส่ถ้วย
2.เทกราโนล่าลงไปในถ้วย
3.ใส่ผลไม้ตามใจชอบ

การทำ if สำหรับคนขี้เกียจออกกำลังกาย

ยุดสมัยนี้ต้องยอมรับเลยว่าไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็หันกลับมารักสุขภาพและหุ่นของตัวเองและในคนส่วนใหญ่ก็จะเลือกการออกกำลังกายเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นการไปฟิตเนส การออกไปวิ่งสวนสวนสาธารณะ แต่สำหรับคนที่ขี้เกียจและไม่มีเวลาเราอยากจะมาแนะนำการทำ if อยากรู้หรือไมว่าเป็นอย่างไร งันเรามาดูกันเลย

วิธีลดความอ้วนที่ดีจึงควรเป็นวิธีที่ไม่หักโหมเกินไปและไม่เป็นผลเสียต่อร่างกาย เพราะการลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ถ้าเกิดว่าหักโหมเกินไปอาจจะทำให้รู้สึกท้อ จนไม่อยากทำต่อ ดังนั้นเราจึงควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองและไม่ทำลายสุขภาพ ซึ่งวิธีลดความอ้วนที่กำลังได้รับความนิยม เป็นวิธีที่สามารถลดน้ำหนักได้จริง และไม่ทำลายสุขภาพ นั่นก็คือ การลดน้ำหนักแบบ IF

การลดน้ำหนักแบบ IF หรือการลดน้ำหนักแบบ Intermitent Fasting คือ วิธีลดน้ำหนักที่คิดค้นโดยทีมแพทย์ เป็นการลดน้ำหนักด้วยการกินอาหารเป็นช่วงเวลา (Feeding) และปล่อยให้ร่างกายหยุดรับอาหารเป็นช่วงเวลา (Fasting) แต่ทั้งนี้หลังการลดน้ำหนักแบบ ก็มีเงื่อนไขที่สำคัญอยู่ 3 ข้อ ได้แก่

  1. ต้องงดอาหาร 1 มื้อในแต่ละวัน
  2. หลีกเลี่ยงการกินอาหารมื้อดึก
  3. กินอาหารตามปกติในช่วงเวลา Feeding 8 ชั่วโมง
  1. วิธีลดน้ำหนัก Intermitent Fasting แบบ Lean gains

การลดน้ำหนักแบบ Lean gains คือ การกินอาหารในช่วงเวลา 8 ชั่วโมง และอดอาหารในช่วงเวลา 16 ชั่วโมง หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสูตร 8/16 เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น

  1. วิธีลดน้ำหนัก Intermittent Fasting แบบ Fast 5

การลดหนักแบบ Fast 5 เป็นการอดอาหารที่ค่อนข้างหักดิบ  เพราะเป็นการกินอาหารเพียง 5 ชั่วโมงและอดอาหาร 19 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง

  1. วิธีลดน้ำหนัก Intermittent Fasting แบบ Eat stop Eat

การลดน้ำหนักแบบ Eat stop Eat คือ จะต้องอดอาหาร 24 ชั่วโมง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนวันที่ไม่อดก็สามารถกินได้ตามปกติ แต่ก็ต้องกินอย่างเหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แต่วิธีนี้ไม่ แนะนำสำหรับคนที่เริ่มลดน้ำหนัก เพราะจะทำให้รู้สึกอยากอาหารมากขึ้นในวันต่อไปและส่งผลต่ออารมณ์ ด้วย

  1. วิธีลดน้ำหนัก Intermittent Fasting แบบ 5:2

การลดน้ำหนักแบบ 5:2 คือการกินอาหารตามปกติ 5 วัน และกินอาหารแบบ Fasting 2 วัน ซึ่งจะเลือก ทำติดกัน 2 วันหรือห่างกันก็ได้ วิธีนี้จะไม่ใช่การอดอาหารทั้งวัน แต่จะเป็นการลดปริมาณอาหารให้น้อยลง แทน เช่น ผู้ชายสามารถกินได้ 600 แคลอรี่ ส่วนผู้หญิงกินได้ 500 แคลอรี่ หรือประมาณ1/4 ของแคลอรี่ที่ได้รับต่อวัน

  1. วิธีลดน้ำหนัก Intermittent Fasting แบบ The Warrior Diet

การลดน้ำหนักแบบ The Warrior Diet เป็นการอดอาหารในช่วงกลางวันดื่มได้แค่น้ำเปล่า และมารับประทานอาหารหนักในมื้อค่ำเพียงมื้อเดียวเท่านั้น

  1. วิธีลดน้ำหนัก Intermittent Fasting ADF (Alternate Day Fasting)

การลดน้ำหนักแบบ ADF เป็นอดอาหารแบบวันเว้นวัน ซึ่งจัดว่าเป็นวิธีค่อนข้างหักโหมเพราะต้องอด อาหาร 1 วัน กินอาหาร 1 วัน แล้วกลับมาอดอีก 1 วัน แต่ทั้งนี้ก็เหมือนกับ IF สูตร 5:2 เพราะในวันที่ Fast  เราสามารถกินอาหารแคลอรีต่ำได้ แต่ต้องกินให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

การลดน้ำหนักแบบ IF เป็นการปรับพฤติกรรมการกินอย่างให้สอดคล้องกับหลักความต้องการของเรา กาย ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำ IF คือ สุขภาพต้องมาก่อนเสมอ ไม่ควรฝืนร่างกาย หากไม่ไหวก็ควรหยุด

รวม FAD DIETS เทรนด์อาหารลดน้ำหนัก หุ่นดี ไม่เสียสุขภาพ

FAD DIETS เทรนด์อาหารลดน้ำหนัก

เทรนด์อาหารลดน้ำหนัก ที่น่าสนใจ

วันนี้มีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับ เทรนด์อาหารลดน้ำหนัก สูตรต่างๆ ที่น่าสนใจ หุ่นดี ไม่เสียสุขภาพ โดยจะหยิบยกข้อมูลจากบทความสุขภาพ เว็บไซต์ โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ โดย นักกำหนดอาหาร แผนกโภชนาการ

สูตรลดน้ำหนักต่างๆ

Fad Diets เป็นสูตรการรับประทานอาหารต่างๆ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อการลดน้ำหนักในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงอย่างเดียว หรือการไม่รับประทานกลุ่มอาหารบางกลุ่มเลย ซึ่งในระยะยาวอาจทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารที่จำเป็น และส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ นักกำหนดอาหารขอนำเสนอวิธีการปรับ Fad Diets เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวของคุณ

Vegetarian diet หรืออาหารมังสวิรัติ

เน้นการรับประทานผัก และผลไม้เป็นหลัก เลี่ยงอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์ แต่จะมีบางกลุ่มที่สามารถรับประทานไข่ นม และอาหารทะเลได้ และบางกลุ่มที่ไม่รับประทานสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์เลย เช่น อาหารเจ (Vegan diet)

  • ข้อดี ทำให้จานอาหารของเรามีผักเพิ่มขึ้น ลดไขมันอิ่มตัวที่ได้รับจากเนื้อสัตว์
  • ข้อควรระวัง มีความเสี่ยงต่อการขาดวิตามิน B12 และธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่เรามักได้รับจากสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์เป็นหลัก
  • แนวทางการปรับ แนะนำให้เลือกรับประทานอาหารแบบมังสวิรัสที่รับประทาน นม กับไข่ได้ เพื่อป้องกันการขาดวิตามิน B12 และธาตุเหล็ก รวมถึงเลือกรับประทานกับข้าวที่เน้นไปทาง ผัดน้ำมันน้อย นึ่ง และต้มน้ำใสแทน อาหารทอด หรือแกงกะทิ เพื่อลดปริมาณไขมันอิ่มตัวที่จะรับประทานไปได้ และรับประทานผลไม้ในปริมาณที่เหมาะสม คือไม่เกิน 1 กำปั้นต่อมื้อ 2 – 3 มื้อต่อวัน
เทรนด์อาหารลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพ แซลมอน

Ketogenic diet 

เป็นแนวทางการรับประทานอาหารที่เน้นรับประทานไขมันเป็นหลัก และรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต ไม่เกิน 20 – 50 กรัมต่อวัน (ข้าวสวย 1 ทัพพีมีคาร์โบไฮเดรต 18 กรัม หรือ ส้ม 1 ผลกลางมีคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม) เพื่อให้ร่างกายเกิดภาวะ Ketosis และมีการเผาผลาญไขมันเยอะขึ้น

  • ข้อดี สามารถลดอาการลมชักในผู้ป่วยที่ไม่สามารถคุมอาการชักได้ด้วยยา ซึ่งต้องมีการคำนวนสัดส่วนของอาหารทั้งวันโดยแพทย์ หรือนักกำหนดอาหาร และมีการชั่งตวงอย่างเคร่งครัด
  • ข้อควรระวัง หากเลือกแหล่งของไขมันผิด เป็นอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง จากเนื้อสัตว์ติดมัน แกงกะทิ น้ำมันมะพร้าว เนย อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดในอนาคตได้ ในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ หรือนักกำหนดอาหารก่อนตัดสินใจเริ่มรับประทานอาหารในกลุ่มนี้
  • แนวทางการปรับ แนะนำให้เลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน และเลือกใช้น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันมะกอกในการปรุงอาหาร แทนน้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันหมู

Blood type diet การรับประทานอาหารตามหมู่เลือด A B AB และ O

โดยมีความเชื่อว่าผู้ที่มีหมู่เลือดเลือดต่างกันจะมีความสามารถในการย่อยและดูดซึมอาหารต่างกัน เช่น หมู่เลือด A ให้เน้นอาหารที่ทำมาจากผักและผลไม้ ควรเลี่ยงอาหารที่เป็นข้าวโพด และนมวัว หมู่เลือด B ควรเลี่ยงไก่ ข้าวโพด และแป้งสาลี แต่สามารถดื่มนม รับประทานเนื้อสัตว์ และผักอื่นๆ ได้ หมู่เลือด AB ควรรับประทานเนื้อแกะ เต้าหู้ นม และปลา แต่ควรเลี่ยง ถั่วแดง ไก่ และแป้งสาลี หมู่เลือด O เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น อาหารจากเนื้อสัตว์ ถั่ว และผัก แต่ควรเลี่ยงอาหารจากนม

  • ข้อดี มักเน้นไปทางอาหารที่มาจากธรรมชาติมากกว่าอาหารแปรรูปซึ่งดีต่อร่างกายของทุกหมู่เลือด
  • ข้อควรระวัง ในระยะยาวหากรับประทานอาหารตามหมู่เลือดข้างต้น อาจจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นจากการจำกัดชนิดอาหารที่รับประทานได้
  • แนวทางการปรับ แนะนำให้เลือกรับประทานอาหารที่หลากหลาย เลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน รับประทานผัก และผลไม้ในปริมาณที่พอเหมาะ เลือกวิธีการปรุงอาหารโดยการ อบ ต้ม นึ่ง หรือผัด มากกว่าการทอด

Mediterranean diet

เป็นอาหารที่เน้นให้รับประทานข้าวแป้งไม่ขัดสี เน้นผักผลไม้ รับประทานปลา ไข่และถั่ว จำกัดการรับประทานสัตว์เนื้อแดง ปรุงอาหารโดยใช้น้ำมันมะกอก และใช้เครื่องเทศแทนการปรุงอาหารด้วยเกลือ รวมถึงแนะนำมีการออกกำลังกายตามช่วงอายุอีกด้วย

  • ข้อดี เป็นแนวทางการรับประทานอาหารที่มีงานวิจัยมารองรับ สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ จากการรับประทานไขมันที่ดี จากน้ำมันมะกอก และถั่วเปลือกแข็งในปริมาณที่พอเหมาะ รับประทานเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ และใยอาหารจากข้าว แป้งไม่ขัดสี ผัก และผลไม้
  • ข้อควรระวัง การรับประทานอาหารประเภทนี้ แนะนำให้ดื่มไวน์แดง 1 แก้วต่อวันในผู้หญิง และ 2 แก้วต่อวันในผู้ชาย หากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์มากกว่านี้ อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดแทน
  • แนวทางการปรับ ควรเลือกใช้น้ำมันมะกอก extra light ในการปรุงประกอบอาหารที่ต้องโดนความร้อน และด้วยกลิ่นที่อ่อนกว่าของน้ำมันชนิดนี้จึงอาจเข้ากับอาหารไทยได้มากกว่า

Intermittent fasting หรือเป็นที่รู้จักคือการทำ IF

เป็นการจำกัดเวลาในการรับประทานอาหาร คือสามารถรับประทานอาหารได้อยู่ในช่วงเวลาที่กำหนดในแต่ละวัน เช่น IF 16/8 คือ การอดอาหาร 16 ชั่วโมงและสามารถรับประทานอาหารได้ 8 ชั่วโมง เป็นต้น

  • ข้อดี ด้วยเวลาในการรับประทานอาหารมีอยู่จำกัด อาจจะทำให้เราได้รับพลังงานรวมต่อวันน้อยลงและอาจส่งผลต่อน้ำหนักตัวได้
  • ข้อควรระวัง ควรระวังในกลุ่มคนไข้ที่รับประทานยาลดน้ำตาล หรือฉีด insulin ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือนักกำหนดอาหารเท่านั้น และควรระวังในกลุ่มของคนไข้ที่เป็นโรคกระเพาะ อาจจะทำให้อาการปวดท้องเป็นหนักขึ้นมาได้
  • แนวทางการปรับ ควรรับประทานอาหารในแต่ละมื้อในปริมาณที่พอเหมาะ และเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

สรุปแล้ว

การรับประทานอาหารโดยการจำกัดอาหาร ไม่ว่าจะมาจากการจำกัดพลังงาน จำกัดกลุ่มอาหาร หรือแม้แต่จำกัดเวลาในการรับประทานอาหาร มักจะทำกันได้ในระยะเวลาสั้นๆ เนื่องจากไม่ตรงกับแนวทางการใช้ชีวิตแบบเดิมๆ แนวทางการดูแลสุขภาพของตนเอง ควรเริ่มปรับจากแนวทางการใช้ชีวิตเดิมเป็นหลัก แล้วค่อยๆ เปลี่ยนทีละน้อย อาจจะเริ่มจากการดื่มน้ำเปล่ามากขึ้น ลดขนาดหรือความถี่ของเครื่องดื่มชงหวาน เพิ่มผักในมื้ออาหาร ลดเนื้อสัตว์ติดมันลง พยายามเดินให้มากขึ้น เพียงเท่านี้เราก็จะมีสุขภาพที่ดีได้แล้ว

อาหารลดน้ำหนัก 7 วัน กินครบทุกมื้อไม่ต้องอด แถมผอม

อาหารลดนํ้าหนัก

หากใครที่กำลังมองหาวิธีการลดน้ำหนัก แต่ไม่อยากอดอาหาร วันนี้เรามีตารางการทานอาหารลดนํ้าหนัก กินครบทุกมื้อ ภายใน 7 วัน แถมยังมีอาหารระหว่างมื้อให้อีกค่ะ โดยในแต่ละวันเราจะทานอาหารไม่เกิน วันละ 1,600 กิโลแคลอรี ซึ่งเป็นพลังที่ร่างกายต้องการต่อวันค่ะ แต่สำหรับคุณสาวๆที่อยู่ในช่วงอายุ 25 – 60 ปี ก็ยึดตามมาตรฐานที่กรมอนามัยได้กำหนดเอาไว้เลยค่ะ ตามมาดูกันเลยค่ะว่าแต่ละวันต้องทานอาหารอะไรกันบ้าง

อาหารลดนํ้าหนัก วันที่1

เมนูอาหารลดนํ้าหนัก วันที่ 1

มื้อเช้า : โจ้กหมูลวกใส่ไข่ลวก 1 ชาม และแตงโม 3 ชิ้น
มื้อก่อนเที่ยง : ข้าวโพดต้มขนาดกลาง ครึ่งฟัก
มื้อกลางวัน : ผัดบล็อกโคลี่ และข้าวสวย 100 กรัม
มื้อบ่าย : นมถั่วเหลืองสูตรน้ำตาลน้อย 250 มิลลิลิตร
มื้อเย็น : สุกี้รวมมิตรน้ำ 1 ชาม หรืออาจะเป็น สลัดโรล

อาหารลดนํ้าหนัก วันที่2

เมนูอาหารลดนํ้าหนัก วันที่ 2

มื้อเช้า : เกาเหลาต้มเลือดหมู และข้าวสวย 100 กรัม
มื้อก่อนเที่ยง : พายผักรวม
มื้อเที่ยง : กระเพาะปลาน่องไก่
มื้อบ่าย : ชมพู่ 2 ผล หรืออาจจะเป็น แอลม่อนอบแห้ง 14 เม็ด
มื้อเย็น : ส้มตำหวานน้อย 1 จาน และผักสด

อาหารลดนํ้าหนัก วันที่3

เมนูอาหารลดนํ้าหนัก วันที่ 3

มื้อเช้า : แซนวิชทูน่า ใส่ไข่ต้มครึ่งฟอง
มื้อก่อนเที่ยง : น้ำเต้าหู้น้ำตาลน้อย
มื้อเที่ยง : ลาบหมู และข้าวเหนียว 1 ห่อ
มื้อบ่าย : กลัวหอม 1 ลูก
มื้อเย็น : ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน

อาหารลดนํ้าหนัก วันที่4

เมนูอาหารลดนํ้าหนัก วันที่ 4

มื้อเช้า : ขนมปังโฮลวีท 2 แผ่น ไส้กรอกต้ม และนมสดขาดมันเนย 250 มิลลิลิตร
มื้อก่อนเที่ยง : แอปเปิ้ลใหญ่ครึ่งลูก
มื้อเที่ยง : ยำขนมจีน และไข่ต้ม
มื้อบ่าย : ฝักทอง 1 ชิ้น
มื้อเย็น : แกงเห็ดรวม

อาหารลดนํ้าหนัก วันที่5

เมนูอาหารลดนํ้าหนัก วันที่ 5

มื้อเช้า : ข้าวเหนียว และไก่ย่าง (น่อง)
มื้อก่อนเที่ยง : กาแฟดำ
มื้อเที่ยง : เกาเหลาลูกชิ้นน้ำใส และข้าวกล่อง
มื้อบ่าย : แก้วมังกร 8 ชิ้น
มื้อเย็น : ปลาเผา ผักสด หรือปลานึ่ง ผักต้ม

อาหารลดนํ้าหนัก วันที่

เมนูอาหารลดนํ้าหนัก วันที่ 6

มื้อเช้า : ข้าวต้มปลา ฝรั่ง 1 ลูก
มื้อก่อนเที่ยง : โยเกิร์ตไขมันต่ำ 1 ถ้วย
มื้อเที่ยง : เต้าหู้ทรงเครื่อง และข้าวกล่อง
มื้อบ่าย : ส้ม 1 ผล
มื้อเย็น : สเต็กปลาดอลลี่ย่าง และสลัดผัก

อาหารลดนํ้าหนัก วันที่7

เมนูอาหารลดนํ้าหนัก วันที่ 7

มื้อเช้า : ต้มจืดเต้าหู้ และข้าวสวย 100 กรัม
มื้อก่อนเที่ยง : ถั่วสิสงต้ม
มื้อเที่ยง : ผัดปลาเปรี้ยวหวาน และข้าวกล่อง
มื้อบ่าย : กล้วยน้ำว้า 1 ลูก
มื้อเย็น : ยำวุ้นเส้น และผักสด หรือสลัดทูน่า

ตารางการกินอาหารลดนํ้าหนัก ภายใน 7 วัน

สำหรับใครที่อยากจะลดน้ำหนักแต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกทานเมนูไหน ก็สามารถทำตามได้เลยนะคะ หรืออาจจะนำเมนูอื่นมาสลับสับเปลี่ยนก็ได้ค่ะ ส่วนใครที่รู้สึกหิวในตอนกลางดึก สามารถกินนมหรืออาหารที่ให้ แคลอรีต่ำมาก แต่ทางที่ดีถ้าไม่ทานอะไรเลยก็จะดีมากค่ะ ทั้งนี้สาวๆก็ควรออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วยนะค่ะ จะทำให้ช่วยลดน้ำหนักไปอีกทางนึงด้วยค่ะ เดียววันไหนแอดมินมีเมนูอาหารลดนํ้าหนัก มาเพิ่มจะอัพเดทให้แฟนๆทุกคนเลยค่ะ

อาหารเพื่อสุขภาพ

10 เมนูอาหารลดน้ำหนัก สำหรับผู้เริ่มต้น!

สาวๆ ที่กำลังคิดจะลดน้ำหนัก แต่ยังไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ทานอาหารอะไรดี.. เราจะมาแนะนำเมนูอาหารลดน้ำหนัก ที่เหมาะกับมือใหม่หัดผอมกันค่ะ มีให้เลือก 10 เมนูก่อน แล้วจะมีมาอัพเดทให้จดลิสต์กันอยู่เรื่อยๆ เลยค่า

1. ข้าวกล้อง + อกไก่ย่าง + ไข่ดาวน้ำ

เมนูง่ายๆ แค่ตักข้าวกล้อง 1 ถ้วยพอดีๆ ไม่ใช่ชามนะจ๊ะ! ทานกับอกไก่ย่าง ปรุงรสอย่าให้เค็มจัด จากนั้นก็ทอดไข่ดาวในน้ำ งดใช้น้ำมัน! เสริมเครื่องเคียงเป็นผักสลัด แค่นี้ก็อิ่มสุดๆ แล้วค่ะ

2. ยำไข่ต้มยางมะตูม + ข้าวกล้องต้ม

เปลี่ยนบรรยากาศมาทานอะไรที่คล่องคอ ด้วยยำไข่ต้ม ใส่หอมซอย พริกขี้หนูซอย ผักชี ต้นหอม ถ้าอยากให้มีสีสันก็หันมะเขือเทศใส่ลงไปเสริม ทานกับข้าวกล้องต้ม อร่อยแบบไม่ฝืดคอด้วยนะจ๊ะ

3. ต้มจืดสาหร่าย + เส้นบุก

ถ้าอยากอิ่มและไม่อ้วน ก็ลองทานต้มจืดสาหร่าย ใส่ผงบุกแทนวุ้นเส้น อย่าปรุงให้เค็มมากนัก แค่นี้ก็แบ่งทานได้หลายมื้อเลย

4. สเต๊กไก่ + สลัดผัก

ใครเป็นคนทานผักเก่งๆ แนะนำให้ทานสลัดค่ะ ไม่อ้วนแน่นอน เลือกใส่น้ำสลัดแบบโลว์แฟต แล้วทานกับสเต๊กไก่ให้อยู่ท้อง ถ้ากลัวว่าจะจืดชืดเกินไป ใส่พริกไทยดำด้วยก็ได้รสชาติดีนะ

5. ไข่ยัดไส้ไม่ใช้น้ำมัน + ข้าวกล้อง

ทอดไข่ยัดไส้ในกระทะเทฟล่อน แบบไม่ต้องใส่น้ำมัน แล้วใส่ไส้ด้วยมะเขือเทศ หอมใหญ่ แครอท และพริกหยวกเล็กน้อย ทานกับข้าวกล้อง 1 ถ้วย ก็อร่อยฟินไปเลย

6. ชาบูเนื้อปลา

ต้มน้ำให้เดือด แล้วเตรียมเครื่องชาบู โดยเลือกแต่ที่ไม่อ้วนนะ! เช่น เนื้อปลา ผักบุ้ง เห็ด และผักอื่นๆ ตามชอบ ใส่ไข่แดงแค่ 1-2 ฟอง ที่เหลือแยกใส่แต่ไข่ขาวล้วน แค่นี้ก็อิ่มจนอืดเแล้วค่ะ

7. ขนมปังโฮลวีท + น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล

สำหรับของว่างก็ลองทานน้ำเต้าหู้แบบไม่ใส่น้ำตาล ถ้ากลัวไม่อิ่มก็เพิ่มขนมปังโฮลวีทสักแผ่น จะได้อยู่ท้องมากขึ้นค่ะ

8. นมสดไม่มีไขมัน + ธัญพืช

หรือถ้าไม่ชอบดื่มน้ำเต้าหู้ จะเปลี่ยนเป็นนมสดแทนก็ได้ค่ะ ลองเลือกแบบไขมัน 0% หรือพร่องมันเนย เทใส่ชามแล้วทานคู่กับพวกธัญพืชอบกรอบ อร่อยและอิ่ม

9. แอปเปิ้ล + แก้วมังกร

วันไหนอยากทานผลไม้ เลือกทานเป็นแอปเปิ้ลกับแก้วมังกร แบ่งทานหลังมื้ออาหารเพื่อล้างปาก ทั้งมีประโยชน์และยังไม่ทำให้อ้วนอีกด้วยค่ะ

10. ต้มจืดไข่น้ำ

ถ้าวันไหนอยากทานต้มจืดให้อิ่มท้อง แบบไม่ต้องทานข้าวกล้องด้วย ลองทำต้มจืดแล้วตอกไข่ลงไปด้วย ให้กลายเป็นต้มจืดไข่น้ำ อร่อยได้แบบไม่ง้อข้าวเลย

5 เคล็ดลับดูแลผิวหน้าในหน้าหนาว

เมื่อหน้าหนาวมาถึง สาวๆ หลายคนอาจตื่นเต้นและรอคอยที่จะได้ใส่เสื้อกันหนาวตัวเก่ง ผูกผ้าพันคอ เพื่อทำร่างกายให้อบอุ่นและสนุกไปกับการแต่งตัวที่น้อยครั้งจะหาโอกาสได้ แต่สิ่งสำคัญอีกสิ่งที่จะละเลยไม่ได้เลยคือการดูแล ‘ผิวหน้า’ ในหน้าหนาว ไม่ให้แห้งกร้าน ลอกเป็นขุย และนี่คือ 5 เคล็ดลับดูแลผิวหน้าที่จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นรับลมหนาวได้อย่างสบายๆ

1) เริ่มต้นจากเพิ่มความชุ่มชื้นจากภายใน

เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินซีและสังกะสี (zinc) ซึ่งมีส่วนช่วยในการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว เลือกทานผักที่อิ่มน้ำ เช่น แตงกวา ฟัก แครอท มะเขือเทศ และผลไม้ที่จะช่วยบำรุงผิวให้ชุมชื้นจากภายใน เช่น แตงโม แคนตาลูป แอปเปิ้ล ส้ม กีวี

2) ดื่มน้ำให้เพียงพอ

อย่าลืมว่าแม้อากาศจะเย็นลง แม้เราจะไม่กระหายน้ำเท่ากับช่วงเวลาในฤดูร้อน แต่ร่างกายก็ยังจำเป็นต้องการน้ำ เพื่อผิวนุ่มชุ่มชื่นจากภายในสู่ภายนอก เราต้องดื่มน้ำให้เพียงพอประมาณ 8-10 แก้วต่อวัน หรือลองดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาวเล็กน้อย จะช่วยเติมน้ำเข้าสู่ร่างกายและผิวได้ดียิ่งขึ้น

3) หลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำร้อน

การอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนในหน้าหนาว ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง เพราะทำให้ร่างกายที่หนาวรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย แต่ที่อย่าพลาดคือการนำเอาน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนมาล้างหน้า น้ำร้อนหรือน้ำที่มีอุณหภูมิสูงกว่าปกตินั้นจะชะล้างไขมันบนผิวหน้า ทำให้ผิวแห้งและไม่สามารถเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ได้ คุณผู้หญิงควรอาบน้ำอุ่นแต่เพียงเล็กน้อย ไม่ควรปรับอุณหภูมิให้ร้อนมากจนเกินไป เพราะนอกจากผิวหน้าแล้ว ผิวส่วนอื่นอาจเกิดอาการแห้งและระคายเคืองได้เช่นกัน

4) งดการขัดผิวหน้าหรือลอกผิว (scrub)

การขัดลอกผิวในหน้าหนาวอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย ทางทีดีควรงดการขัดถูผิวหน้าในช่วงหน้าหนาว หรือลดจำนวนความถี่ในการสครับผิวเป็นสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้น ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารกระตุ้นการระคายเคืองเช่น น้ำหอมและแอลกอฮอล์

5) เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่อ่อนโยน

มูสทำความสะอาดผิวหน้าที่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นนับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับการดูแลผิวหน้าที่บอบบางในหน้าหนาว ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดควรมีประสิทธิภาพในการรักษาสมดุลค่า pH ช่วยฟื้นฟูผิวให้มีสุขภาพดี หรือประกอบด้วยสารสกัด Tea Tree Oil และ Aloe Vera ลดการติดเชื้อก่อโรค เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างอ่อนโยน

เพียงปฏิบัติตาม 5 เคล็ดลับนี้ ก็จะทำให้ผิวหน้าของสาวๆ สดใสและสุขภาพดีในช่วงหน้าหนาว ไม่แห้งกร้านและไม่ก่อให้เกิดต้นเหตุของริ้วรอยก่อนวัยอันควร หรืออาการคัน อาการอักเสบที่จะตามมา ขอเพียงดูแลและใส่ใจผิวหน้าของคุณให้ดีที่สุด

6 วิธีการดูแลผิวให้ห่างไกลจาก “สิว” ด้วยตนเอง

ปัญหาสิวนับได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่ของวัยรุ่นไปจนถึงวัยกลางคน และยิ่งคนที่ผิวหน้ามีแนวโน้มแพ้มลพิษง่ายอยู่แล้ว ย่อมมีโอกาสเจอกับปัญหาสิวต่อเนื่องซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่เรื่องบุคลิกภาพและความมั่นใจ ปัจจุบันปัญหาสิวไม่ใช่ปัญหาเรื่องความสวยความงามทั่ว ๆ ไป ทางการแพทย์ได้จัดให้ปัญหาสิว อยู่ในหมวดของโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ซึ่งมีผลกระทบต่อภาวะจิตใจ ปัญหาสิวแม้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อร่างกาย แต่เมื่อทำให้เกิดความวิตกกังวลแล้ว ย่อมทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่อย่างปฏิเสธไม่ได้ ทั้งอาจทำให้เกิดความกังวลเรื่องการเข้าสังคม เกิดความเจ็บปวด ตลอดจนปัญหาด้านสุขภาพและความงาม

ด้าน ดร.ภญ. จิรวรรณ โอพรสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาเครื่องสำอางและเวชสำอางเพื่อแก้ปัญหาสิวด้วยสารสกัดจากหินน้ำมันฝรั่งเศสแบรนด์ โอลด์ร๊อค ที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO 22716/ COSMETICS GMP ระดับสากล บริษัท แอล.เอ.เดอร์มาเทค จำกัด มีคำตอบและแนวทางที่จะช่วยลดปัญหากวนใจของคนที่เป็นสิวว่า “คนที่เป็นสิวที่ใบหน้าไม่หายส่วนหนึ่งเกิดจากการดูแลผิวหน้าไม่ถูกวิธี โดยปัญหาที่พบบ่อย ๆ คือ การบีบ แคะ แกะ เกา จับ ลูบ ใบหน้าบริเวณที่เป็นสิว นอกจากนั้นยังมีกรรมวิธีต่าง ๆ ที่ใช้ในการปกปิดสิวเนื่องจากต้องการให้บุคลิกดี เช่น การใช้ concealer ปกปิดก็ต้องเลือกชนิดของ concealer ให้เหมาะสมกับผิวและทำความสะอาดใบหน้าอย่างถูกวิธีด้วย และยิ่งปัจจุบันในอินเตอร์เน็ตทั่วไปที่มีบอกถึงวิธีลัดในการรักษาหรือลดสิว ด้วยวิธีต่างๆ วิธีบางวิธีที่แนะนำไว้อาจไม่ถูกต้องตามหลักการดูแลผิว อาจยิ่งทำให้เกิดปัญหามากขึ้น ดังนั้นควรเลือกปฏิบัติจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เท่านั้น

ดร.ภญ. จิรวรรณ โอพรสวัสดิ์ จึงได้แนะนำวิธีการดูแลผิวให้ห่างไกลเป็นสิวเบื้องต้น สามารถทำได้ง่ายๆ คือ

1.หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาวะที่ผิวถูกทำร้าย เช่น แสงแดดแรง ฝุ่นควัน สภาวะอากาศร้อนจัดหนาวจัด ลมแรง เป็นต้น นอกจากนั้น ให้สังเกตสิ่งที่สัมผัสกับผิวหน้าเป็นประจำ เช่น ความสะอาดของผม แชมพูสระผม หรือครีมนวดผม รวมถึงกลิ่นน้ำหอมที่ผสมในแชมพูและครีมนวดผม เป็นต้น เส้นผมที่สัมผัสเป็นประจำกับใบหน้าทำให้เกิดการเสียดสีกลายเป็นการระคายเคือง สำหรับผู้ที่แพ้ฟลูออไรด์ ยาสีฟันอาจก่อให้เกิดสิวรอบปากและคางได้

2. ทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงการล้าง เช็ด ถู หน้าแรงๆ ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะยิ่งกระตุ้นการอักเสบและทำให้ผิวอ่อนแอลงจากการถูกแรงกดทำร้าย

3.ล้างทำความสะอาดผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนต่อผิวหน้า หรือผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลผิวเป็นสิวโดยเฉพาะ จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ จะช่วยรักษาสมดุลของผิวบนใบหน้า ไม่ทำร้ายผิวเพิ่ม ช่วยให้ผิวฟื้นฟูแข็งแรงขึ้นได้เอง

4. เมื่อเป็นสิว ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดปัญหาสิว เช่น เวชสำอางดูแลปัญหาสิวที่มีสารสกัดจากธรรมชาติเพื่อช่วยส่งเสริมให้โครงสร้างผิวกลับมาแข็งแรง ช่วยลดการสะสมของสารเคมีอันตรายบนใบหน้า สูตร non-comedogenic ที่ไม่ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวอย่างเนื่อง หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมที่ออกฤทธิ์รุนแรง เช่น BHA เนื่องจากจะทำให้เกิดการระคายเคืองจากความเป็น กรด โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย

5. เมื่อสิวลดลงไม่ว่าจะเกิดจากยา การเปลี่ยนพฤติกรรม หรือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวเป็นสิวแล้ว สิวยังเกิดขึ้นมาใหม่ได้เสมอหากผิวถูกทำร้ายอีก วัฎจักรการทำร้ายผิวและทำให้เกิดสิวไม่สิ้นสุดมักเกิดจากการกลับไปทำพฤติกรรรมเดิม ๆ ทำให้สิวขึ้น เช่น บีบเค้น จับใบหน้าบ่อย ๆ หรือการเสียดสีหรือสารปนเปื้อนจากผมที่เสียดสีบริเวณแก้ม เมื่อสิวขึ้นก็ใช้ยาแรง ยาแรงทำให้กำจัดสิวได้แต่ผลที่ตามมาคือ โครงสร้างของผิวเสีย ผิวลอกอ่อนแอ หรือ สมดุลของเชื้อบนใบหน้าถูกทำลายไป เมื่อผิวที่อ่อนแอถูกกระตุ้นเพียงเล็กน้อย สิวก็จึงกลับขึ้นมาได้อีก ดังนั้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การสังเกตสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวและหลีกเลี่ยง และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ anti-acne ชนิดที่อ่อนโยน สามารถใช้ได้ทุกวัน เป็นทางเลือกที่ดีในการดูแลผิวเป็นสิวระยะยาว

6. การออกกำลังกายสม่ำเสมอและการทานอาหารที่มีประโยชน์ ฟังดูน่าเบื่อแต่ระบบของร่างกายจะทำงานอย่างสมดุลได้ ต้องสร้างภาวะสมดุลให้ร่างกายด้วย ระบบที่สำคัญที่สุดระบบหนึ่งของร่างกายคือ ระบบขับถ่าย การขับถ่ายที่ดีเกิดมาจากการรับประทานอาหารที่มีกากใย มีคุณค่าทางอาหารครบ และอาศัยการออกกำลังกายเป็นการกระตุ้นการขับถ่าย ซึ่งกลไกดังกล่าวเป็นกลไกการขับของเสียจากร่างกาย ยิ่งไปกว่านั้นการออกกำลังกายยังทำให้อารมณ์เป็นบวก ทำให้ลดความเครียดลงได้ด้วย เมื่อของเสียถูกขับออกจากร่างกายเรื่อย ๆประกอบกับลดความเครียดลง สภาวะโดยรวมของร่างกายก็จะแข็งแรงทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนต่าง ๆลดลงได้ด้วย

สำหรับผู้ที่ตั้งใจห่างไกลจากสิวโดยไม่ต้องพึ่งหมอหรือยา แค่เข้าใจเรื่องการทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี การหลีกเลี่ยงการทำร้ายผิว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยนที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับผิวที่มีโอกาสเป็นสิวได้ง่ายต่อเนื่อง การออกกำลังกายและการทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างสมดุล ก็จะทำให้ห่างไกลจากสิวได้นานๆ นอกจากนั้นเมื่อสิวดีขึ้นแล้วต้องไม่กลับไปทำพฤติกรรมเดิม ๆ ที่กระตุ้นการเกิดสิวอีก และหากต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลผิวพรรณต้องเลือกที่ไว้ใจได้ว่า เป็นเวชสำอางที่มีการรับรองตามมาตรฐานทางการแพทย์ ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ หรือมีสารเคมีรุนแรงที่อาจส่งผลให้ผิวแพ้” ดร.ภญ.จิรวรรณ กล่าวทิ้งท้าย

การดูแลสุขภาพ การดูแลผิว

การดูแลตนเองให้ดูดีควรทำอย่างไร

การดูแลตนเอง

ในปัจจุบันนี้เรื่องของการออกกำลังกายนั้นเป็นเรื่องที่หลายๆคนเข้ามาให้ความสนใจในเรื่องของการออกกำลังกายกันอย่างมากเลยเพราะการออกกำลังกายถือว่าเป็นการดูแลตนเองที่ดีอีกเรื่องหนึ่งเลย การออกกำลังกายนั้นจะทำให้เรานั้นมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง เรื่องของสุขภาพภายในนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีและสำคัญอย่างมากที่สุดอีกด้วย

                เรื่องของการดูแลตนเองนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่เราเองควรที่จะให้ความสนใจกันอย่างมากเพราะร่างกายของเราทุกคนนั้นก็ต้องมีการดูแลตนเองให้ได้ดีอย่างมากที่สุด ทุกๆเรื่องราวนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่เราเองไม่ควรที่จะมองข้าม การดูแลสุขภาพของเรานั้นยิ่งเราดูแลมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลดีมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

                เรื่องของการดูแลตนเองเชื่อว่าหากเราทำอย่างสม่ำเสมอนั้นก็จะได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจให้กับตัวของเราเองอย่างมากที่สุด เพราะถ้าหากเราตั้งใจที่จะออกกำลังกายเชื่อว่าทุกๆอย่างก็จะนำพาให้เรานั้นประสบความสำเร็จได้ง่ายๆอีกด้วย การออกกำลังกายที่ดีนั้นจะทำให้เราเองมีความสุขและสุขภาพก็ดีไปตามๆกันด้วย

                สุขภาพเป็นเรื่องที่เราจะต้องดูแลเชื่อว่าหากเราดูแลในร่างกายของตนเองร่างกายก็ไม่ต้องพบเจอกับเชื้อโรคต่างๆ ยิ่งเรามีสุขภาพที่ดีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลให้เรานั้นแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ดูมีน้ำมีนวลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ทุกๆอย่างจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากที่สุดที่เราเองควรที่จะให้ความสนใจในเรื่องของสุขภาพร่างกายของตนเอง

                เรื่องของสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมากที่สุดที่เราเองไม่ควรที่จะมองข้ามเลย ต้องให้การดูแลและใส่ใจอย่างมากถึงจะเป็นเรื่องที่ดีอย่างที่สุด ในบางคนที่ไม่ค่อยดูแลสุขภาพนั้นก็จะทำให้เกิดป่วยบ่อยมากขึ้น ยิ่งป่วยมากเท่าไหร่ก็ทำให้สุขภาพร่างกายของเรานั้นดูแย่ลงมากยิ่งขึ้น

                การที่คนเรามีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงจะทำให้ชีวิตของเรามีความสดใสและแจ่มใสมากกว่าเดิมเราควรที่จะให้ความสนใจและความเข้าใจในเรื่องของสุขภาพถึงจะเป็นเรื่องที่ดีอย่างมากที่สุด ไม่มีใครที่จะสามารถทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงได้นอกจากตัวเราเอง ตัวเราเองจะต้องมีความขยันและแข็งแกร่งเพื่อที่จะได้ร่างกายที่แข็งแรงกลับเข้ามาสู่ร่างกายอีกด้วย เรื่องของสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่เราเองไม่ควรที่จะมองข้ามต้องให้ความสนใจและให้ความสำคัญอย่างมากเลยเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพที่ดี

อาหารเพื่อสุขภาพ

การกินอาหารที่มีประโยชน์ก็สามารถทำให้ร่างกายแข็งแรงได้

เลือกรับประทานอาหาร

ประโยชน์ที่ต้องบอกต่อของ “อาหารเพื่อสุขภาพ”

อาหารเพื่อสุขภาพ คือ ก่อนที่เราจะกินอาหารเพื่อสุขภาพเราจำเป็นต้องรู้ก่อนว่าอาหารเพื่อสุขภาพคืออะไร ซึ่งก็คือ อาหารที่มีสารอาหารครบทุกหมวดหมู่ถือว่ามีความจำเป็น และความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาร่างกาย จิตใจ รวมทั้งอารมณ์ การที่เราทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ นั้นจะทำให้เราได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนเมื่อเราได้รับสารอาหารครบถ้วนก็จะส่งผลให้ร่างกายได้รับพลัง แข็งแรงพร้อมที่จะลุยงานต่างๆได้อย่างกระปรี้กระเปร่า ที่สำคัญยังห่างไกลจากโรคร้ายแรงต่างๆ

อาหารเพื่อสุขภาพ มีอะไรบ้าง

อย่างที่กล่าวไว้ว่าอาหารเพื่อสุขภาพคือการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ซึ่งจะประกอบไปด้วย โปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่ ไขมัน โดยแต่ละหมู่ก็จะมีหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป เช่น

โปรตีน ประกอบด้วยเนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่วต่างๆ ซึ่งโปรตีนมีหน้าที่สำคัญคือช่วยในการเจริญเติบโต ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
คาร์โบไฮเดรต จะได้แก่ แป้ง ข้าว ขนมปัง เป็นต้น โดยมีหน้าที่ให้พลังงาน
วิตามิน เกลือแร่ จะได้จากผัก ผลไม้ต่าง เพราะในผักมีกากใยและไฟเบอร์ที่จะช่วยในระบบขับถ่าย
ไขมัน จะเป็นจำพวกไขมันที่ได้จากพืชและสัตว์ซึ่งจะช่วยทำให้ร่างกายของเราอบอุ่น
อาหารที่มีประโยชน์ อาทิเช่น

ไข่ไก่ เป็นแหล่งสะสมของโปรตีนคุณภาพสูง ที่ให้พลังงานแต่ไม่ทำให้อ้วน ช่วยบำรุงสายตา
ถั่ว เป็นสารอาหารที่ช่วยในการส่งผ่านออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์ต่างๆของร่างกายและมีไฟเบอร์ช่วยในการขับถ่ายได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
ประโยชน์ที่จะได้รับ

อาหารเพื่อสุขภาพนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำให้สุขภาพแข็งแรง ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส มีสุขภาพจิตที่ดี เป็นต้น ซึ่งอาหารเพื่อสุขภาพเหล่านี้จะทำให้ร่างกายของเราพร้อมที่จะทำกิจกรรมในแต่ละวันได้อย่างเต็มที่ และต้านโรคภัยต่างๆได้เป็นอย่างดี

จะเห็นได้ว่าอาหารเพื่อสุขภาพหารับประทานได้ไม่ยาก ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหารเราจึงควรเลือกให้เหมาะสมกับร่างกาย ควรกินในปริมาณที่พอเหมาะ แต่ถ้าจะให้ผลดีมากกว่านี้ เราก็จะต้องออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อที่เราจะได้มีสุขภาพที่ดี ห่างไกลจากโรคอีกด้วย

งานวิจัยเผย อาหารเพื่อสุขภาพ ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเนื้อแดงและเนื้อแปรรูป

อาหารเพื่อสุขภาพ

เมื่อวานนี้ (28 ตุลาคม) งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและมหาวิทยาลัยมินนิโซตา เผยแพร่ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences (PNAS) ระบุว่า อาหารเพื่อสุขภาพส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย ส่วนอาหารอื่นๆ เช่น เนื้อแดง ส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยนับว่าเป็นครั้งแรกที่นักวิจัยนำเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพมาเชื่อมโยงเข้ากับสิ่งแวดล้อม

ทีมนักวิจัยทำการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของอาหารจากโลกตะวันตกราว 15 ประเภท พบว่า ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืช คืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันโรค พร้อมกับรักษาสภาพภูมิอากาศและแหล่งน้ำ

ขณะที่การบริโภคเนื้อแดงและเนื้อแปรรูปเป็นสาเหตุที่อาจก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บและมลภาวะ นักวิจัยจึงแนะนำว่าหากบริโภคอาหารที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระดับปานกลาง และไม่ส่งผลร้ายกับสุขภาพอย่างธัญพืชที่ผ่านการขัดสีแล้ว ผลิตภัณฑ์จากนม ไข่ และเนื้อไก่ที่พอจะสามารถทดแทนการบริโภคเนื้อแดงได้ จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อมไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม มีอาหารไม่กี่ประเภทที่ได้รับข้อยกเว้นจากการค้นพบดังกล่าวคือ ปลา ซึ่งเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่สร้างผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมากกว่าค่าเฉลี่ยของอาหารที่เน้นพืชเป็นหลัก (Plant-based diets) และอาหารที่มีน้ำตาลสูงอย่างบิสกิตหรือน้ำอัดลมส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมน้อย แต่กลับเป็นอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ

ไมเคิล คลาร์ก หัวหน้าทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดกล่าวว่า “การเลือกอาหารที่ดีและสร้างความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหนทางหลักที่ผู้คนสามารถสร้างเสริมสุขภาพและรักษาสิ่งแวดล้อมได้”

ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์คาดหวังว่าข้อมูลที่มีรายละเอียดมากกว่านี้จะช่วยให้ผู้บริโภค นักวางแผนนโยบาย และบริษัทผลิตอาหารเลือกสิ่งที่ดีกว่าได้ นักวิจัยจึงกำลังทำงานเกี่ยวกับฉลากอาหารที่ให้ข้อมูลทั้งด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมควบคู่กัน เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกอาหารของผู้บริโภคด้วย

งานวิจัยเผย อาหารเพื่อสุขภาพ ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเนื้อแดงและเนื้อแปรรูป

อาหารลดน้ำหนัก อาหารเพื่อสุขภาพ